เกษตรกรยุคใหม่สร้างรายได้ไม่ตกเทรนด์เลี้ยงแพะและโควากิว ช่องทางตลาดรุ่ง


หลังจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย ได้มีการเผยแพร่การส่งเสริมเกษตรกรให้เลี้ยงโควากิว และเลี้ยงแพะ เนื่องจากตลาดทั้งไทยและต่างประเทศต้องการบริโภคแพะสูง ยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก จึงเป็นที่น่าสนใจของเกษตรกรทั่วประเทศที่สามารถนำไปต่อยอดและปรับใช้ต่อไปเพื่อเป็นอาชีพเสริม หรือทำเพิ่มเติมนอกเหนือจากการทำไร่ ทำนาทั่วไปได้เราจึงได้นำข้อดีของการเลี้ยงแพะ และโควากิวมาเพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรที่สนใจอยากมีรายได้เสริมที่มีตลาดรองรับที่ดี โดยการเลี้ยงโควากิวจะทำให้เพิ่มมูลค่าให้กับโค จากโคพื้นเมืองธรรมดาจะกลายเป็นโคพันธุ์ดีที่ตลาดต้องการ ขายได้ราคาสูงขึ้น ซึ่งราคาขั้นต่ำก็อยู่ที่ประมาณตัวละ 75,000 บาทหรือถ้าขุนดีๆ นำเนื้อขาย ต่างประเทศอาจวิ่งมาขอซื้อ เพื่อนำไปเสิร์ฟขายในภัตตาคารให้ราคาสูงถึงตัวละ 1-2 แสนบาทเลยก็ได้ หรือถ้าไม่อยากขุนก็สามารถเพาะพันธุ์เลี้ยงตั้งแต่เกิดจนอายุ 8-10 เดือน น้ำหนักประมาณ 290 กก. แล้วนำออกขายในตลาดให้แก่ผู้ที่ต้องการนำไปขุนต่อไปได้เช่นกัน

โดยซึ่งจุดเด่นของโควากิวคือ เนื้อของมันมีไขมันแทรกสูงซึ่งไขมันมีองค์ประกอบที่ทำให้เนื้อนุ่ม มีสัดส่วนของไขมันไม่อิ่มตัวสูงแต่ไม่มีไขมันหุ้มสันมากเกินไป มีรสชาติดีเนื้อละเอียดกว่าหลายพันธุ์ หน้าตัดเนื้อสันใหญ่ ทั้งยังมีผลผลิตสูงเพราะคลอดง่าย ความสมบูรณ์พันธุ์สูง เชื่อง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้กว้าง เพศเมียถึงวัยเจริญพันธุ์เร็ว

ส่วนการเลี้ยงแพะนั้น จะเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี มีตลาดรองรับ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านมีความต้องการบริโภคเนื้อแพะสูง ตัวหนึ่งรับซื้ออยู่ที่ 2,300 -2,700 บาท แม่แพะให้ลูกปีละ 2 ครอกอาจให้ลูกแฝดครั้งละ 2–3 ตัว ใช้เวลาเลี้ยงก็สั้นประมาณ 5-8 เดือน ก็โตเต็มวัย สืบพันธุ์ ขยายพันธุ์ได้หลายตัว เลี้ยงง่าย โตเร็ว ทนโรค และยังมีนิสัยร่าเริง ว่องไว เชื่อง และฝึกง่าย จึงเลี้ยงไม่ยาก เด็กหรือผู้หญิงก็สามารถช่วยกันดูแลได้ แถมยังเป็นสัตว์ขนาดเล็กใช้พื้นที่น้อยอีกด้วย

ดังนั้นเกษตรกรท่านใดที่มีพื้นที่เหลือพอที่จะต่อยอดสร้างรายได้เสริม การเลี้ยงโควากิวและการเลี้ยงแพะก็นับเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องมีการศึกษาที่ละเอียดมากพอ เพื่อให้มั่นใจในการลงทุนก่อนการตัดสินใจกันด้วยนะคะ