5 ขั้นตอนการทำ “Minimum viable product” ผลิตภัณฑ์ตั้งต้น พัฒนาสู่สิ่งยิ่งใหญ่


Minimum Viable Product  คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ (features) อย่างน้อยที่สุด ที่ทำให้ใช้งานได้จริง หรือจะเรียกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ (features) อย่างน้อยที่สุด ที่ขายได้จริง ก็ได้ แต่ถ้าค้นหาความหมายให้ลึกไปกว่านั้นล่ะ?

 

Minimum viable product สามารถให้ความหมายได้ง่าย ๆ ว่า  ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติสำคัญน้อยที่สุดที่สามารถซื้อขายได้ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ขั้นต่ำที่สุดเท่าที่จะให้นักพัฒนาได้ทดลองใช้และช่วยให้ฟีดแบคเพื่อจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อให้สำเร็จ

เมื่อเรามีไอเดียพันล้าน เรามักจะคิดว่ามันจะสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก แต่ในความเป็นจริงคือในช่วงระยะเวลาแรกของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ จุดนั้นคือ minimum viable product ของคุณ การคิดค้น minimum viable product จึงเป็นสิ่งแรกที่สำคัญและเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในการปฏิบัติการ

thinkbusinessplan.com ได้นำเสนอวิธีการถอดรหัส ผลิตภัณฑ์ตั้งต้น เพื่อพัฒนาสู่สิ่งยิ่งใหญ่ต่อไป ด้วย 5 ขั้นตอนต่อไปนี้ 

1) กำหนดขนาดไอเดียของคุณ

คุณควรกำหนดไอเดียของคุณ และมองหาเชื้อเพลิงที่จะทำให้มันทำงานได้จริง  อย่างเช่น ถ้าไอเดียของคุณคือ การประดิษฐ์เป้สะพายหลังพลังงานแสงอาทิตย์  คุณก็ต้องเตรียมทรัพยากรที่จะทำสิ่งนั้น อย่างเช่น แผงพลังงานแสงอาทิตย์ และกระเป๋า ซึ่งมีต้นทุนสูง คุณก็ต้องทำการระดมทุน เพราะฉะนั้นในทางปฏิบัติคุณก็ต้องทำกระเป๋าต้นแบบที่มีคุณสมบัติพื้นฐานเบื้องต้น ในจำนวนพอสมควร และนำลงในเว็บไซต์  Kickstarter หรือ ycombinator หรือ indigogo เป็นต้น

2) กลุ่มเป้าหมายของคุณ

คุณต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณด้วยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้

  • Age and gender  คุณต้องรู้จักว่าใครคือผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของคุณ ตัวอย่างเช่น ในช่วงเริ่มแรก แอปพลิเคชั่นแบบเฟซบุ๊ก กำหนดว่าผู้ใช้งานคือวัยรุ่น ช่วงอายุ 15–25 ปี คุณก็ต้องทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายในช่วงอายุนี้เท่านั้น เหมือนกับการทำเว็บไซต์ที่นำเสนอเกี่ยวกับแฟชั่นล่าสุดก็จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงมากกว่า เพราะฉะนั้น จงตัดสินใจบนฐานของอายุและเพศ และสร้างคุณสมบัติของสินค้าให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นเปิดตัวกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะเท่านั้น
  • ภูมิภาค คุณต้องทำเลือกทำการตลาดให้ถูกที่ถูกทาง เลือกท้องถิ่นหรือภูมิภาคที่คุณกำลังจะปล่อยตัวสินค้าให้ถูกต้อง ถ้าคุณปล่อยสินค้า LTE smartphone ในพื้นที่ที่มีความจำกัดเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ต ก็ไม่มีใครซื้อสินค้าของคุณแน่ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณขายโทรศัพท์ 3G ในพื้นที่ตลาดที่มีสัญญาณ LTE ก็ไม่มีใครซื้อของคุณเช่นเดียวกัน เพราะคนใช้สมาร์ทโฟน LTE กันหมดแล้ว
  • ราคา  ถ้าผลิตภัณฑ์ของคุณมาพร้อมกับราคา คุณต้องสามารถกำหนดได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณจะยอมจ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรือไม่ การเปิดตัวในตลาดเฉพาะจะนำคุณไปสู่กับปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ต่อไปในภายหลัง และนั่นหมายถึงการปรับราคาต่อชิ้นและยอดขายด้วย
  • สำรวจและวิจัยตลาด พูดคุยกับผู้คนเพื่อจะได้ไอเดียว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับผลิตภัณฑ์  พยายามเข้าให้ถึงความคิดที่ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณ ช่วยแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้อย่างไร ถ้าเป็นไปได้สำรวจถึงผลิตภัณฑ์เจ้าอื่นในท้องตลาด คุณสามารถพูดคุยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด และควรมีข้อปรับปรุงอะไรบ้าง นี่จะให้ไอเดียที่ดีกับคุณเกี่ยวกับช่องว่างในตลาดที่คุณสามารถเริ่มต้นคิดค้นผลิตภัณฑ์ของตัวคุณเองเพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้น

3) ค้นหาคุณสมบัติเด่น

  • นั่งลง หยิบปากกาขึ้น และเขียนระบุกลุ่มประชากรเป้าหมายของคุณลงไปในกระดาษ พยายามค้นหา 3 คุณสมบัติที่ดีที่สุดในตัวผลิตภัณฑ์ของคุณ เลข 3 เป็นตัวเลขที่ไม่ยาก ไม่ง่ายจนเกินไป คุณอาจจะใช้ตัวเลขอื่นๆ ก็ได้ตามใจคุณ แต่จำไว้ว่า ท้ายที่สุดคุณควรเข้าสู่ตลาดด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่มี เพราะฉะนั้นต้องเลือกจุดเด่นที่เรียบง่ายเข้าถึงใจกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
  • สิ่งที่ดีที่สุดที่จะไปพร้อมกับคุณสมบัติขั้นต่ำสุด คือ มันต้องให้ความยืดหยุ่นและทำให้คุณกล้าที่จะชี้จุดสำคัญในไอเดียของคุณ คุณมีความคิดมากมายที่จะสร้างคุณสมบัติเจ๋งๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณ ซึ่งในอนาคตคุณอาจจะสร้างสิ่งที่เหนือความคาดหมายออกมาก็เป็นได้  ฟีดแบคจากตลาดจะสร้างแรงกระตุ้นซึ่งจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คุณสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้สำเร็จและส่งมันกลับสู่ลูกค้าของคุณโดยเร็วที่สุด

4) คำนวณต้นทุนในการผลิตสินค้า

  • คุณต้องตระหนักถึงต้นทุนในการผลิตสินค้า อย่างเช่น เป้พลังแสงอาทิตย์ มันจะกินต้นทุนคุณในการผลิตจำนวนมาก การตั้งโรงงานเป็นงานที่หนักหนาพอสมควร
  • เพราะฉะนั้นคุณสามารถเริ่มต้นด้วยสินค้าที่มีคุณสมบัติขั้นต่ำเบื้องต้นและดำเนินการต่อด้วยความช่วยเหลือของผู้ประกอบการผลิตที่มีโรงงานผลิตอยู่แล้ว เชื่อเถอะว่าเมื่อคุณเริ่มต้นธุรกิจจากความคิด ต่อไปคุณก็สามารถจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพด้วยตัวคุณเอง

แนวคิดง่าย ๆ คือ ถ้าคุณใช้เงินก้อนใหญ่ในการล้อมรั้วและสร้างบ้านตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ให้เสร็จทีเดียว คุณจะต้องจ่ายแพงมากๆ จะดีกว่าไหมถ้าจะสร้างบ้านเล็ก ๆ พออยู่ได้ แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงไปตามความต้องการของคุณและเทรนด์ใหม่ ๆ ในท้องตลาด

5) คำนึงถึงองค์ความรู้เฉพาะภูมิภาค

คุณควรคิดถึงผู้ที่จะใช้งานผลิตภัณฑ์ของคุณอยู่ในใจเสมอ เมื่อคุณกำลังคิดค้น ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติขั้นต่ำที่ออกขายได้  ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการปล่อยตัว app ตัวอย่างภาพยนตร์ในประเทศจีน ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีนเพื่อใช้เป็น Subtitle หรือถ้าไม่ทำ ก็คิดแค่ว่าคนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์นี้ ต้องเป็นคนจีนที่รู้ภาษาอังกฤษเท่านั้น

ดร.อรรถสิทธิ์ หัสถีธรรม
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์, Infopreneur และ Strategy Pirate

ที่มาบทความ: www.thinkbusinessplan.com

Smart Ads