“บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะหารือจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี” 2 หมื่นล้าน


นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าราชการของกระทรวงอุตสาหกรรม ถกทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาอุตสาหกรรมไทยระยะ 20 ปี ยกระดับสู่ยุค 4.0  พร้อมเสนอขออนุมัติตั้ง  “กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ” วงเงิน 2 หมื่นล้าน  เชื่อจะช่วยให้ ผปก.ท้องถิ่นที่มีศักยภาพ เข้าถึงแหล่งเงินทุนกว่า 9,070 ราย กระตุ้น ศก.ระดับฐานราก 75,200 ล้านบาท

วันนี้ (10 ก.พ.) ที่กระทรวงอุตสาหกรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   ได้เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2557 ที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยนายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวก่อนการประชุมว่า หนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี คือ แผนการขับเคลื่อน Thailand 4.0 ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)  สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มอัตราการเติบโตต่อปีของภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย การขยายตัวของ GDP การลงทุน การส่งออก  การเพิ่มผลิตภาพ และการสร้างนักอุตสาหกรรมใหม่ ที่เป็นการวางรากฐานการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอีไทยในอนาคต

นอกจากนั้น  กระทรวงฯ จะขอรับการอนุมัติและสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี  ในการจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ” วงเงินจำนวน 2 หมื่นล้าน ที่มุ่งหวังให้เป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุน SMEs ปรับธุรกิจสู่ยุค 4.0 และเปลี่ยนสู่การผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นตามนโยบายThailand 4.0 ตั้งเป้าหมายจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีศักยภาพโดยเฉพาะที่อยู่ในภูมิภาคได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่น้อยกว่า 9,070 ราย เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับฐานราก 75,200 ล้านบาท

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เผยด้วยว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไปสู่ประเทศไทย 4.0 ให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ทางกระทรวงฯ ได้ปรับตัว โดยจะมุ่งดูแลส่งเสริมผู้ประกอบการในทุกระดับให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งการปรับบทบาทและโครงสร้างของกระทรวงฯ ดังกล่าว จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ระยะที่ 1 จะเรียบร้อยภายใน 6 เดือนแรกของปี 2560 ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที  ส่วนระยะที่ 2 จะเสร็จสิ้นภายในปี 2562 ที่จะมีการปรับปรุงกฎหมายเดิมและออกกฎหมายใหม่ เชื่อว่าจะสามารถดูแลส่งเสริมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ  มีผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น