กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ ประจำเดือน ม.ค.2560 จำนวน 6,279 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากเดือนที่แล้ว และเพิ่มร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้านค้าปลีกเครื่องประดับครองแชมป์สูงสุด คาดตลอดปีนี้ ทะลุ 66,000 ราย จากปัจจัยมาตรการกระตุ้นภาครัฐ เศรษฐกิจเริ่มฟื้น
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยยอดการจดทะเบียนธุรกิจและผลการให้บริการประจำเดือนมกราคม 2560 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศเดือนมกราคม 2560 จำนวน 6,279 ราย เพิ่มขึ้น 1,869 ราย คิดเป็นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 4,410 ราย และเพิ่มขึ้นจำนวน 530 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 5,749 ราย
ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกมีจำนวน 1,157 ราย ลดลงจำนวน 3,961 ราย คิดเป็นร้อยละ 77 เมื่อเทียบเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 5,118 ราย และลดลงจำนวน 312 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 1,469 ราย
สำหรับ มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ ในเดือนมกราคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,492 ล้านบาท ลดลงจำนวน5,760 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 22,252 ล้านบาท และมีมูลค่าลดลง จำนวน 11,704 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 28,196 ล้านบาท
ด้านประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับ จำนวน 696 รายรองลงมาธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 623 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 282 ราย ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 150 ราย และธุรกิจขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ จำนวน 149 ราย ตามลำดับ
ขณะที่ ห้างหุ้นส่วนบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ม.ค.60) จำนวน 1,366,591 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 20.62 ล้านล้านบาท โดยมีห้างหุ้นส่วนบริษัทที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 649,523 รายมูลค่าทุนจดทะเบียน 15.93 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 469,434 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,153 ราย และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 178,936 ราย
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2560 นี้ ทางกรมฯ คาดว่าจะมีแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ไม่น้อยกว่า 66,000 ราย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการบริโภคการลงทุนภาคเอกชน ที่ปรับตัวดีขึ้น และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 3.6 ซึ่งดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก ของไทย เป็นต้น