5 ทักษะแรงงานที่หายากในสายตาซีอีโอทั่วโลก


PwC เผยผลสำรวจ Global CEO Survey พบความเชื่อมั่นซีอีโออาเซียนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและรายได้ปีนี้ลดลง หลังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ-กระแสลัทธิคุ้มครองทางการค้าที่เพิ่มขึ้น โดยผู้นำอาเซียนส่วนใหญ่เริ่มตื่นตัวในการนำดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ เพราะเชื่อว่าจะมีผลกระทบกับองค์กรในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมมองแนวโน้มการจ้างงานปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่ต้องพัฒนาทักษะของบุคลากรหลังหลายอุตสาหกรรมจ่อเข้าสู่ยุคของหุ่นยนต์และระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ใน 10-20 ปีข้างหน้า

นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ PwC’s 20th Annual Global CEO Survey ครั้งที่ 20 ที่ใช้ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ณ กรุง ดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประจำปี 2560 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกจำนวน 1,379 คนใน 79 ประเทศ ในจำนวนนี้เป็นซีอีโอจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน 7 ประเทศ ว่า ผู้นำธุรกิจอาเซียนต่างตระหนักดีถึงการเข้ามาของดิจิทัลและการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับธุรกิจ โดยซีอีโออาเซียนที่ทำการสำรวจเห็นตรงกันว่า ดิจิทัลจะมีส่วนสำคัญมากในกำหนดเป้าหมายขององค์กรและจะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยม วัฒนธรรม และพฤติกรรมขององค์กร

นอกจากนี้ ผู้นำธุรกิจอาเซียนเกือบ 60% ต่างระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีได้เข้ามาพลิกโฉม หรือส่งผลกระทบต่อการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ 72% คาดว่า เทคโนโลยีจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ในระยะต่อไป ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI) และหุ่นยนต์ (Robotics) จะเข้ามามีอิทธิพลกับการดำเนินธุรกิจทั่วโลก โดยซีอีโอมากกว่าครึ่งระบุว่า ได้เริ่มทำการศึกษาแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกลแล้ว ในขณะที่ซีอีโออีก 39% ก็กำลังพิจารณาผลกระทบจากการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ต่อทักษะของแรงงานที่ต้องการในอนาคต

ในทางกลับกัน ซีอีโอก็ต้องใช้พยายามมากขึ้นในการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder’s trust) หากต้องการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงการป้องกันภัยจากโลกไซเบอร์ ซึ่ง 63% ของซีอีโออาเซียน (เปรียบเทียบกับ 55% ของซีอีโอโลก) ต่างให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการละเมิดข้อมูลความเป็นส่วนตัวและจริยธรรม ขณะที่ 52% ระบุว่า ยังคงต้องรับมือกับภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ และ 48% ประสบกับปัญหาระบบไอทีขัดข้องและอื่นๆ

เล็งจ้างงานเพิ่มเน้นแรงงานที่มีทักษะ

แม้ซีอีโอในภูมิภาคอาเซียนจะมองแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีที่ผ่านมาไม่ดีเท่าไหร่ แต่พวกเขากลับมีแผนจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยผู้นำธุรกิจอาเซียน 63% มีแผนที่จะเพิ่มการจ้างงานในปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่ 59% และส่วนใหญ่ยังคงต้องการแรงงานที่มีทักษะ เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต ซึ่งประเด็นดังกล่าว ถือเป็นความกังวลของผู้นำธุรกิจทั่วโลกด้วยเช่นกัน โดยความกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา จาก 31% เมื่อปี 2541 เป็น 77% ในปีนี้

“เรากำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของหุ่นยนต์และระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรมภายใน 10-20 ปีข้างหน้า โดยกระแสนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศชั้นนำของโลก ดังนั้น ทักษะอะไรก็ตามที่เครื่องจักรกลไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เช่น ทักษะในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ จะกลายเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย” นาย ศิระ กล่าว

ทั้งนี้ ทักษะแรงงานที่หายากในสายตาซีอีโอทั่วโลก 5 อันดับแรก ได้แก่ ทักษะในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ (77%) ทักษะในการเป็นผู้นำ (75%) ทักษะในการบริหารอารมณ์ (64%) ทักษะในการปรับตัว (61%) และสุดท้าย คือ ทักษะในการแก้ปัญหา (61%) ในขณะเดียวกัน ทักษะด้านดิจิทัลและสะเต็ม (STEM ประกอบไปด้วย วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics)) ถือเป็นทักษะที่ท้าทายและจำเป็นที่ผู้นำองค์กรต้องมี

นาย ศิระ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้เทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจอย่างแยกจากกันไม่ได้ ดังนั้น นอกเหนือจากการพัฒนาทักษะของบุคลากรให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแล้ว ตัวผู้บริหาร รวมทั้งพนักงาน ต้องปรับตัว ใช้ประโยชน์ และพัฒนาทักษะให้ทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ในส่วนของซีอีโอเอง นอกจากจะต้องมีความเป็นผู้นำแล้ว ยังต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ กล้าตัดสินใจในการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างโดดเด่นในยุคดิจิทัล