กระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก ในเด็กเล็ก หลังพบเด็กป่วยแล้ว 6,790 ราย


นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวัง โรคมือ เท้า ปาก หลังจากเดือนที่ผ่านมา พบเด็กเล็กป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนมากพบในสถานที่ที่มีเด็กจำนวนมากอยู่รวมกัน เช่น ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเกิดการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่กันได้ง่าย

      สำหรับการป้องกันนั้น ต้องมีการตรวจคัดกรองเด็กเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า ให้เด็กล้างมือบ่อยๆ หรือทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งสกปรกปนเปื้อนเชื้อโรค หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ ของใช้ ของเล่น ภายในศูนย์ฯ และโรงเรียนเป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกครั้งที่พบมีเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก และหากพบเด็กป่วยให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้านพักรักษาตัวจนกว่าจะหาย หากมีเด็กป่วยหลายคนในชั้นเดียวกัน ควรพิจารณาปิดห้องเรียน และถ้าพบเด็กป่วยหลายห้อง ควรพิจารณาปิดโรงเรียนทำความสะอาด และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันที ทั้งนี้ จากข้อมูลเฝ้าระวังโรค สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค

     ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 6,790 ราย ทั่วประเทศ และยังไม่พบผู้เสียชีวิต สำหรับ โรคมือ เท้า ปาก จะเกิดบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากเด็กมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ การติดต่อของโรค จะติดต่อจากการได้รับเชื้อทางปากโดยตรง ซึ่งเชื้อไวรัสจะติดมากับมือ หรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพองหรืออุจจาระของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ จาม รดกัน โดยหลังจากได้รับเชื้อ 3 – 6 วัน ผู้ติดเชื้อจะเริ่มแสดงอาการป่วย อาการที่พบบ่อยได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดเมื่อย เป็นต้น หรือมีอาการไข้ร่วมกับตุ่มพองเล็กๆ เกิดขึ้นที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในปาก

     โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นและสามารถหายเป็นปกติได้ภายใน 7-10 วัน แต่หากเด็กมีอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ ต้องรีบนำเด็กกลับไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422