กสอ.แนะ 5 กลยุทธ์ ผู้ประกอบการไทยรับมือนโยบายประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์”


กสอ.เตือนผู้ประกอบการไทยตามติดนโยบายเศรษฐกิจของ “โดนัลด์ ทรัมป์”อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งปรับตัวแสวงหาโอกาส และลดผลกระทบ แนะ 5 กลยุทธ์ สู้ศึก ได้แก่ 1.ทันตลาดโลก 2.ทันความต้องการผู้บริโภค 3. ทันข่าวทันกระแส 4.ทันเพื่อนและคู่แข่ง และ 5. ทันบริการและโครงการส่งเสริม

นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า จากการดำเนินแผนพัฒนาเศรษฐกิจตามนโยบายอเมริกาเฟิร์ส (America First) หรือ ผลประโยชน์ของอเมริกาต้องมาก่อนของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกานั้น ทำให้หลายภูมิภาคของโลก รวมถึงประเทศไทยจำเป็นต้องจับตามองนโยบายของผู้นำประเทศดังกล่าวเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวคิดดังกล่าวจะมุ่งให้ประเทศสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับตลาดภายใน และปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าและอุตสาหกรรมกับต่างชาติ  เช่น การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้า การลดบทบาทและความสามารถในการดำเนินอุตสาหกรรมของประเทศคู่ค้า เป็นต้น  ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ทุกประเทศจะต้องปรับเปลี่ยนและกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานรูปแบบใหม่ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง พร้อมป้องกันผลกระทบที่ไม่อาจคาดเดาได้ในอนาคต

นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ประเทศสหรัฐฯ นับเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ในปี 2559 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยสูงถึง 3.04 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอุตสาหกรรมที่นำสินค้าเข้า 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน ยางและผลิตภัณฑ์ อัญมณี และชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯสู่ไทยนั้น มีมูลค่า 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อนำมาคิดเป็นสัดส่วนแล้วพบว่าไทยได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ อยู่ในลำดับที่ 11 ของกลุ่มประเทศที่สหรัฐฯเสียดุลการค้า (ที่มา International Trade center)

ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวที่กำลังจะเกิดในปี 2560 นี้  กสอ.แนะนำผู้ประกอบการไทยให้ปรับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้อด เพื่อหาประโยชน์ หรือลดผลกระทบ ได้แก่

  1. ทันตลาดโลก ผู้ประกอบการต้องไม่ยึดติดกับประเทศคู่ค้าเดิม ๆ แต่ต้องรู้จักการแสวงหากลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีประสิทธิภาพ อาทิ กลุ่มตะวันออกกลาง (อินเดีย อิหร่าน แอฟริกาใต้) ซึ่งนับว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย โดยพิจารณาได้จากอัตราการเติบโตของ GDP ในช่วง 5 ปี (2556-2560) ที่มีอัตราขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 3-5 รวมทั้งประเทศในกลุ่มอาเซียนและกลุ่ม CLMV ที่กำลังเติบโตและพัฒนาอย่างสูง ซึ่งการได้คู่ค้าใหม่ๆจากภูมิภาคเดียวกันยังช่วยในการขยายตลาดไปยังประเทศใกล้เคียงได้อีกด้วย
  1. ทันความต้องการของตลาด ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันกับบริบทต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป รู้ทันความต้องการของผู้บริโภคหรือกลุ่มตลาดที่ผันแปรไปตามกระแส โดยจะต้องเน้นการสร้างแนวคิดใหม่ และทำในสิ่งใหม่ ๆที่ไม่มีใครเคยคิดหรือเคยทำมาก่อน รวมทั้งต้องใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมเข้ามาเป็นกระบวนการที่สำคัญในการดำเนินงาน ซึ่งเมื่อทุกอย่างเกิดความก้าวล้ำและทันสมัย ก็จะยิ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้เกิดความสำเร็จ ได้เร็วขึ้น
  1. ทันข่าวทันกระแส ในการที่จะประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องรอบรู้และหมั่นศึกษาในเรื่องของแนวทางและข่าวสารที่จะเสริมสร้างให้ตนเองมีศักยภาพ ทั้งยังต้องศึกษาจากกลุ่มผู้มีความรู้และประสบการณ์การทำงานซึ่งจะได้ทั้งข้อดีและข้อผิดพลาดนำมาเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงหรือระมัดระวังในการที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต
  1. ทันเพื่อนและคู่แข่ง หนึ่งในปัจจัยในการก้าวสู่ความสำเร็จคือการร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์ในการทำธุรกิจร่วมกันในรูปแบบต่าง ๆ ให้เป็นเสมือนเป็นการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งการสร้างเครือข่าย การสร้างคลัสเตอร์โดยจะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เกิดความสามารถที่สูงกว่า มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น ทั้งยังนำพามาซึ่งความสำเร็จอย่างยั่งยืน
  1. ทันบริการและโครงการส่งเสริม นโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ นั้นเปรียบเสมือนเข็มทิศที่สามารถนำพาธุรกิจไปสู่จุดหมายได้ ผู้ประกอบการจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษารายละเอียดจากโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อนำมาต่อยอด ขอรับสิทธิและใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนเพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาปรับปรุงและพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งในการส่งเสริมของ กสอ. นั้นได้จัดเตรียมงบประมาณกว่า 830 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการกว่า 30 โครงการ ครอบคลุมผู้ประกอบการทุกประเภท ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการส่งเสริมที่เข้มข้นเหล่านี้จะช่วยพัฒนาให้ผู้ประกอบการได้เติบโตขึ้นอีกระดับตามเป้าหมายที่วางไว้ นายพรเทพ กล่าวปิดท้าย