ไปไกลแล้ว! จีนวางแผนงานสู่เส้นทาง 5G


เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก ทำให้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้คนใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน โดยเฉพาะผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างเช่น ในปี 2016 การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนถึงร้อยละ 92.5 เพิ่มขึ้นจากปี 2015 ร้อยละ 2.4

รวมถึงรายงานล่าสุดของสำนักสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics of China) พบว่า ในปี 2016 ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในจีน มีจำนวน 1.3 พันล้านราย  ในส่วนนี้มีผู้โทรศัพท์มือถือผ่านบอดแบรนด์มากกว่า 940 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 71)  อีกทั้ง ตามที่กระทรวงกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของจีน เห็นถึงจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือด้วยเทคโนโลยี 4G เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 2015 จึงดำเนินมาสู่มาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเร็วให้กับเครือข่าย, การลดธรรมเนียม, การสำรองข้อมูลสำรองสำหรับผู้ใช้เครือข่าย 3G และการรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีเครือข่าย 4G

ด้วยความก้าวหน้าอันรวดเร็วของเทคโนโลยีสื่อสาร ทำให้ China Mobile บริษัทโทรคมนาคม ยักษ์ใหญ่ของจีนพร้อมจะพัฒนาเครือข่ายให้ก้าวไปข้างหน้าโดยการเป็นพันธมิตรผู้ให้บริการ และบริษัทโทรคมนาคมเพื่อพัฒนาโครงข่าย 5G ซึ่งในเรื่องนี้ทางบริษัทมีข้อเสนอแนะว่ารัฐบาลจีนควรส่งเสริมการพัฒนา 5G อย่างจริงจัง และประกาศอย่างเป็นทางการภายในปี 2020

สำหรับแผนการดำเนินงาน มีดังต่อไปนี้

-ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี 5G

-ปรับปรุงและตรวจสอบแผนงานด้านเทคนิค 5G

-สนับสนุนโครงข่าย 5G แบบครบวงจร

แผนงานที่กล่าวมามีวัตถุประสงค์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยจีนจะสร้างกลไกความร่วมมือในระดับภาครัฐกับ EU ,สหรัฐฯ,ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น  Ericsson จากสวีเดน, Nokia จากฟินแลนด์,เทคโนโลยี Huawei จากจีน และ Qualcomm กับ Intel ผู้ผลิตชิพจากสหรัฐฯ

อีกทั้ง การปรากฏตัวของอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น บริษัท General Moyor จากสหรัฐฯ, Volkswagen จากเยอรมนี และ Haier Group ที่ให้คำแนะนำด้านแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย

ข้อกำหนดของ 5G ในอนาคต

ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เผยแพร่ร่างคำจำกัดความและระบุแนวทางของเทคโนโลยี 5G  เป็นที่คาดหมายว่าเทคโนโลยี 5G สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่า 4G ตามข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพขั้นต่ำ 20 Gbit/วินาทีในการดาวน์โหลด (2.5 กิกะไบต์ต่อวินาที) และการอัพโหลด 10 Gbit/วินาทีในการอัพโหลด (1.5กิกะไบต์ต่อวินาที)

อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการเชื่อมต่อจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเครือข่าย 5G จะรับศักยภาพความเร็วมากขึ้น และจะเป็นก้าวสำคัญในการก้าวเดินไปข้างหน้าเมื่อเปรียบเทียบการเชื่อมต่อ 4G LTE

ทั้งนี้ ร่างคำจัดความ ควรจะมีการทบทวนและยืนยัน โดย ITU เพื่อให้เป็นมาตรฐานให้กับผู้ผลิตในการออกผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนเพื่อรองรับ 5G

การทดลอง 5G ในจีน

รัฐบาลจีนแบ่งการทดลอง 5G ออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1.เทคโนโลยี R&D จากปี 2015 ถึงปี 2018 (แผนงานนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ทดลองใช้เทคโนโลยีที่สำคัญ, ทดลองรูปแบบของเทคโนโลยี และทดลองระบบ)

2.ผลิตภัณฑ์ R&D จากปี 2018 ถึง 2020

แผนการดำเนินงานดังกล่าว บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน คาดว่าเงินประมาณ 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ(300 พันล้านหยวน)

การใช้ 5G ในอนาคต

การสร้างเครือข่าย 5G จะช่วยให้เกิดการเร่งพัฒนาของบริการใหม่ๆ เนื่องจากผลพวงของ Internet of Thing โดยจะช่วยให้แต่ละธุรกิจสามารถควบคุมการใช้งานผ่านหุ่นยนต์ในโรงงานได้ง่ายขึ้น และปรับปรุงการบำรุงรักษาเครื่องจักรด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความแม่นยำมากขึ้น

นอกจากนี้ แบรนด์วิชที่เพิ่มมากขึ้น โดยเทคโนโลยี 5G จะเป็นกุญแจสำคัญโปรแกรมเมอร์ในการพัฒนาเกมในลักษณะเสมือนจริง (virtual reality) และดึงดูดการลงทุนในส่วนนี้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในแวดวงรถยนต์ที่เทคโนโลยี 5G จะช่วยให้การเชื่อมต่อฟังก์การใช้งานในรถยนต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับ 4G LTE โดย 5G จะช่วยในการส่งข้อมูลใช้เวลารวดเร็วในทุกๆสถานที่ รวมถึงขณะเดินทางจะช่วยให้รถยนต์ Smart car ได้รับข้อมูลที่อยู่รอบตัวที่เกิดขึ้น พร้อมกับแนวทางแก้ปัญหา เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นบนท้องถนน

เรียบเรียงจาก techinasia