สสว.ผนึก 6 หน่วยงานปั้นเอสเอ็มอีแกร่ง ดันสู่ ศก.ไทยสู่ยุคใหม่


สสว.จับมือ 6 หน่วยงานพันธมิตร เดินหน้าโครงการ SME Strong / Regular Level  คัด 20,000 รายมีศักยภาพจากทั่วประเทศ เข้าเสริมแกร่งครบวงจร ดันเป็นหัวหอกขับเคลื่อน ศก.ท้องถิ่น และผลักดันเศรษฐกิจไทยสู่ยุคใหม่

 

นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว.   ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร 6 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  สถาบันอาหาร  และสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย  ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Strong / Regular Level)   เพื่อพัฒนา SMEs กลุ่มที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ จำนวน 20,000 กิจการทั่วประเทศ  โดยให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือ Local Economy  และการพัฒนาสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ หรือ  New Economy  ตามนโยบายของรัฐบาล

 

ทั้งนี้  สสว. ได้เริ่มดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต หรือ SME Strong / Regular Level เมื่อปี 2559  โดยร่วมกับมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เปิดรับสมัคร SMEs จำนวน 10,000 กิจการ จากทั่วประเทศ  ซึ่งเป็นกลุ่มที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้  โดยแบ่งเป็น กลุ่ม Strong  คือ ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง 2,473 กิจการ สสว. ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยพัฒนาเรื่องการสร้างแบรนด์ จำนวน 1,581 กิจการ  ด้านนวัตกรรม 321 กิจการ  ด้านการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ 271 กิจการ และช่องทางการตลาดใหม่โดยการเจรจาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ 300 กิจการ  สำหรับ SME อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีศักยภาพจะเติบได้ (Regular) มีจำนวนประมาณ 8,000 กิจการ  สสว. ได้ช่วยเรื่องการขยายช่องทางการจำหน่ายด้วย E-Commerce โดยช่วยการถ่ายภาพและจัดทำเนื้อหาของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีทั้งสินค้าและบริการ

 

สำหรับในปี 2560  สสว. ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตร ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  สถาบันอาหาร  และสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย  เข้ามาร่วมพัฒนาผู้ประกอบการอีกจำนวน 10,000 กิจการ

 

โดยแผนงานปี 2560 จะมีจุดเน้นที่แตกต่างกันตามลักษณะการดำเนินธุรกิจของ SME เช่น SME ในภาคการผลิต จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการลดต้นทุน  ส่วนภาคการค้าและบริการ เน้นกลุ่มท่องเที่ยว สปา  ซึ่งเป็นธุรกิจที่ SME ไทยมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว จะเข้าไปช่วยในเรื่องการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการบริการให้เป็นสากล  และเชื่อมโยงสู่การลงทุนในต่างประเทศ  ทั้งนี้จะขอความร่วมมือเพื่อบูรณาการร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์

 

นอกจากนั้น สสว. ตั้งเป้าหมายจะพัฒนากิจการค้าส่ง – ค้าปลีก และการขนส่งในภูมิภาค ในเรื่องการลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และการขยายเครือข่าย เพราะธุรกิจเหล่านี้ เป็นตัวเชื่อมโยงรับสินค้าจาก SME รายย่อย และวิสาหกิจชุมชน เพื่อกระจายสู่ผู้บริโภคในตัวเมือง อีกทั้งยังเป็นธุรกิจหลักที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนา SME ให้เข้าสู่ระบบ E-Commerce อีกด้วย