อุปสรรค 3 ข้อที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวล้มเหลว


ผศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดี คณะ Extension School และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในรายการ SME Smart Service ว่า

ประเทศไทยมีธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม(SMEs) เป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิน 50% ของธุรกิจทั้งหมดภายในประเทศ โดยจุดเริ่มต้นส่วนใหญ่นั้นมาจากครอบครัว ซึ่งครอบครัวที่แข็งแกร่งนั้นจะต้องมีผู้นำที่ดี และสมาชิกในครอบครัวดีเช่นกันซึ่งเปรียบได้กับธุรกิจ ดังนั้น หากนำ “ครอบครัว” และ “ธุรกิจ” มารวมกันก็จะสร้างความแข็งแกร่งได้มาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมากที่สุด เพราะธุรกิจครอบครัวนั้นยังมี 3 ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดอุปสรรคในการขับเคลื่อนธุรกิจสะดุด ได้แก่

1.เรื่องของอารมณ์ (Emotion) เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษ

เมื่อความเป็นคนกันเองในครอบครัวเดียวกันทำให้เกิดความคุ้นเคย แต่ถ้ามีความคุ้นเคยมากไปก็อาจจะทำให้ละเลยเรื่องความเกรงใจกัน ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เกิดความบาดหมางผิดใจกันได้ง่ายกว่าคนนอกเสียอีก ดังนั้น ต้องระวังเรื่องอารมณ์ให้ดี ต้องแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานให้ออก

2. อย่ายึดติดกับค่านิยมเดิม จนไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

การที่องค์กรมีวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งเป็นเรื่องทีดี แต่การที่ผู้บริหารยึดมั่นกับคำสอนเก่าๆ หรือความเชื่อดั้งเดิมของบรรพบุรุษจนไม่ยอมปรับเปลี่ยนเลย ซึ่งอย่ากลัวว่าถ้าเปลี่ยนแปลงค่านิยมไปบ้างจะทำให้เสียภาพลักษณ์เดิมๆ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนนั้นสามารถทำได้ในหลายลักษณะโดยไม่ส่งผลกระทบลบล้างค่านิยมเดิมๆ จนหมดไป

3.อย่าคาดหวังกับสมาชิกในครอบครัวมากเกินไป

จริงอยู่ที่เราสามารถคาดหวังให้สมาชิกในครอบครัวทุ่มเทกับกิจการมากกว่าพนักงานคนนอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถเรียกร้องหรือสั่งการพวกเขาโดยไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เพราะมันอาจรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเขา