แนวคิดการทำธุรกิจสู่การพลิกโฉมยาอมแบบเดิมๆ โดยหนุ่มรุ่นใหม่ ทายาทรุ่นที่ 2 “ไทยยินตัน”


ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาคงจะมีใครเคยเห็นยาอมแผนโบราณเม็ดสีเงิน โลโก้สีแดง ซองสีเขียว มีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คงจะไม่มีใครไม่รู้จักยาอมยี่ห้อยินตัน แต่ในตอนนี้ได้ถูกพัฒนาด้วยนวัตถกรรมอันทันสมัยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบัน สู่ทายาทรุ่นที่ 2 โดยคนรุ่นใหม่กับ คุณนริศ วิทยาวรากรณ์

ยินตันนู้ด เม็ดยา 4 ชั้น สินค้าที่ถูกใส่นวัตถกรรมสมัยใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน กับแนวคิดที่ถูกพัฒนาจากทายาทรุ่นที่ 2 ที่ได้ร่วมค้นคว้ากับผู้เชี่ยวชาญประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพลิกโฉมยาอมแผนโบราณในสมัยก่อนให้กลายเป็นสินค้านวัตถกรรมที่มีรูปลักษณ์ที่แปลกตาไปจากเดิม

จากแต่ก่อนกลุ่มลูกค้ายาอมแผนโบราณนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งลูกค้าส่วนมากจะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ทำให้คุณนริศมีความคิดว่าน่าจะมีสินค้าอะไรที่สามารถเจาะกลุ่มตลาดที่มีอายุน้อยลงมา จึงได้ลองคุยกับทางญี่ปุ่นุถึงเทคโนโลยีใหม่ๆว่าพอจะมีทางไหนที่จะสามารถทำให้ยาอมของทางยินตันสามารถเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นได้บ้าง จึงมาลงเอยที่นวัตถกรรมแคปซูล

ด้วยเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแผนรูปลักษณ์ของยาอมยินตานู้ดทำให้สามารถเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นได้มากขึ้น นอกจากนี้ทางยินตันยังได้แตกไลน์การผลิตเพิ่มเติมเป็นยาสีฟันน้ำซึ่งพลิกโฉมยาสีฟันแบบสมัยก่อนไปอย่างสิ้นเชิง และยังมีผลิตภัณฑ์ Slin Drink เครื่องดื่มของคนรักหุ่นนวัตกรรมจากญี่ปุ่นที่มีส่วนช่วยเรื่องการดูแลรูปร่างไปพร้อมกัน


โดยถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่รุ่นคุณพ่อนั้นไทยยินต้นได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากคุณพ่อของคุณนริศสนิทกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นซึ่งทำยาอมแผนโบราณมาก่อน โดยนำเข้ายาจากญี่ปุ่นมาขายคนไทย ซึ่งในตอนนั้นคุณพ่อของคุณนริศทำธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ ซึ่งทั้ง 2 มักจะเล่าเรื่องราวและปรึกษาปัญหาในการทำธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นคนนี้เกษียรอายุและอยากจะกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นจึงอยากให้คุณพ่อของคุณนริศรับยาและไปส่งต่อให้ร้านขายยาเหมือนที่เขาเคยทำมา คุณพ่อจึงตัดสินใจตกลงและได้ตั้งชื่อบริษัทขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่า ไทยฟาร์มา ทำไปทำมาจนสุดท้ายคุณพ่อตัดสินใจว่าอยากจะเป็นหุ้นส่วนโดยการบริหารงานในไทยซึ่งทางญี่ปุ่นก็ตอบตกลง จึงได้เปลี่ยนชื่อมาใช้ชื่อ ไทยยินตัน โดยในตอนนั้นคุณนริศเองก็กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นยังไม่ได้เข้ามาช่วยคุณพ่อบริหารงาน จนท้ายที่สุดคุณพ่อมีบริษัทที่ต้องดูแล 2 บริษัทจึงอยากให้ลูกชายเข้ามาช่วยบริหารซึ่งในขณะนั้นคุณนริศก็เรียนจบ จึงได้เข้ามาช่วยบริหารไทยยินตันกับแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนยาอมรูปแบบเดิมๆให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ พร้อมกับตั้งโจทย์ให้ตัวเองว่าจะพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตมากกว่านี้

เมื่อธุรกิจได้ถูกส่งต่อให้กับทายาทรุ่นที่ 2 แล้ว สิ่งแรกที่คุณนริศทำคือการเพิ่มจำนวนคนในองค์กร ซึ่งคัดเลือกคนที่มีทัศนคติคิดบวกเข้ามาทำงาน โดยส่วนใหญ่คุณนริศจะเป็นคนคัดเลือกพนักงานแทบจะทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะหาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาเพื่อปรับโฉมสินค้าให้แปลกไปจากเดิม ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำหรับนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรง ทายาทรุ่นที่ 2 แห่งไทยยินตัน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณนริศได้คิดค้นขึ้นมานั้นเรียกได้ว่าเป็นความท้าทายสำหรับการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะนวัตถกรรมที่นำมาใช้ในสินค้าถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกที่ทำขึ้นมา ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าสิ่งที่ทำให้ธุรกิจค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆนั้นมาจากการไม่หยุดคิด ไม่หยุดที่จะพัฒนาธุรกิจและสินค้าให้ก้าวไปข้างหน้า โฟกัสสิ่งที่จะทำให้ถูกจุด ตั้งใจกับสิ่งที่เราทำอย่าทำหลายๆอย่างพร้อมกัน เพราะจะทำให้งานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร สิ่งเหล่านี้เองทำให้ไทยยินตันสามารถเติบโตและขยายธุรกิจไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี และเชื่อได้ว่าคงมีนวัตถกรรมใหม่ๆมาให้ผู้บริโภคได้แปลกใจต่อไปอย่างแน่นอน