คุณณปภัช รุ่งพัฒนะ เจ้าของฟาร์มสวนสุขกุ้งก้ามแดง เผยในรายการตอบโจทย์ SME ว่า ปลากระเบนที่ตนเองเลี้ยงไว้ มี 2 พันธุ์ โดยเริ่มเลี้ยงหลังจากที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดงแล้ว กลุ่มเป้าหมาย คือ ชาวต่างชาติที่เป็นเมืองหนาวที่ชื่นชอบในการเลี้ยงเนื่องจากมีความเชื่อว่าปลากระเบนคือมงกุฎแห่งเจ้าทะเล โดยไต้หวันจะมีการนำเข้าจากไทยและจะไปปล่อยให้กับจัน ญี่ปุ่น อเมริกา ทั้งนี้ที่เลือกเลี้ยงปลากระเบนเนื่องจากปลาชนิดนี้เหมาะแก่การเลี้ยงในเมืองร้อน
ส่วนการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงนั้น พี่ก้อยได้แนะนำว่า หากผู้ที่อยากเลี้ยงกุ้งก้ามแดงนั้น สามารถเริ่มต้นได้ที่ 1,000 บาท โดยจะได้รวมทั้งอุปกรณ์และกุ้ง โดยกุ้งก้ามแดงนั้นราคาไม่สูง โดยขนาด 1 นิ้ว ราคา15บาท ซึ่งพี่ก้อยได้แนะนำว่า ใน 1,000 บาท ให้ซื้อกุ้งก้ามแดง 20 ตัว ซื้อถังน้ำราคาไม่ถึง 100 บาท 3 ใบ และออกซิเจน โดยวิธีการเลี้ยงนั้นให้นำลูกกุ้ง 20 ตัว/ถัง ให้นำลูกกุ้งทั้งหมดเลี้ยงในถังที่1 และเมื่อลูกกุ้งเริ่มเห็นอาการลอกคราบ (ปลีกวิเวก) ให้ตักกุ้งเตรียมลอกคราบมาอยู่ถังน้ำใบที่2 เนื่องจากกุ้งที่เตรียมลอกคราบร่างกายจะอ่อนแอ อาจจะถูกทำร้ายจากกุ้งถังที่1ได้ และเมื่อผ่านไป 1-2 ชั่วโมงจะลอกคราบ และพักไว้สัก 3-4 ชั่วโมง ก็ตักกุ้งที่ลอกคราบ ย้ายไปยังถังน้ำใบที่3 เนื่องจากกุ้งที่ลอกคราบเสร็จนั้นคือการขยายร่างกายตนเอง อาจจะไปทำร้ายลูกกุ้งในถังน้ำใบที่1ได้ ดังนั้นเมื่อทุกตัวลอกคราบเสร็จสิ้นและมาอยู่ในใบที่ 3 ก็นำไปอยู่ในถังที่1ใหม่อีกครั้ง ทำในลักษณะแบบนี้จนกุ้งก้ามแดงมีขนาดตามที่ตนเองพอใจ จาก 1 นิ้ว เป็น 2 นิ้วก็สามารถขายได้ในราคาที่เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 1 เท่าตัว หรือจะเก็บไว้ทำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ได้ เมื่อมีขนาด 2.8-3 นิ้วขึ้นไป ให้แยกเลี้ยงแม่พันธุ์แม่พันธุ์ออกจากกัน เนื่องจากเพศผู้จะแย่งเพศเมียเพราะเพศเมียจะมีกลิ่นพิเศษที่ดึงดูดเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก และเมื่อแย่งกันจะเกิดความเสียหายต่อร่างกายกุ้งได้ เช่น ก้ามหัก ขาหัก กินกันเอง เป็นต้น และเมื่อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ มีขนาด 4 นิ้วขึ้นไป จึงจะสามารถผสมพันธุ์ได้ เนื่องจากร่างกายพร้อมในการผสมพันธุ์
นอกจากนี้ เมื่อมีการตั้งท้องแล้วต้องไม่รบกวนกุ้งเพศเมีย เนื่องจากกุ้งเพศเมียอาจจะสลัดไข่ เมื่อผ่านไป 3 อาทิตย์ ให้นำแม่กุ้งออกมาสู่ถังน้ำที่เตรียมเอาไว้ทั้ง 5 ใบ โดยนำไปไว้ในถังที่ 1 เมื่อลงเดินคอกแรกในกระบะแรก ก็นำแม่กุ้งไปยังถังที่ 2 โดยทำในลักษณะแบบนี้วนเวียน เนื่องจากลูกกุ้งลงเดินจะมีทุกวัน และแต่ละคอกจะมีความแข็งแรงตามธรรมชาติ โดยจะใช้เวลาฟักลงเดิน 7-10 วัน สิ่งสำคัญไม่ได้วัดที่ลงเดินจำนวนมาก แต่วัดกันที่การอนุบาลกุ้งลงเดินให้ได้ที่ 1 นิ้วนั่นเอง ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดงแล้วไม่เติบโตเกิดจากปัจจัยหลัก คือ การที่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ผสมพันธุ์กันตอนที่ร่างการยังไม่พร้อม ส่วนปัจจัยหลักๆที่ทำให้กุ้งเจริญเติบโตไว คือ การเปลี่ยนน้ำให้ร่างกายกุ้งสดชื่น แต่ต้องไม่บ่อย โดยเมื่อกุ้งลงเดิน เปลี่ยนครั้งหนึ่งอยู่ได้ 1 เดือน และต้องค่อยรักษาคุณภาพน้ำ เนื่องจากลงเดินรีบลอกคราบให้ร่างกายเติบโตไว และเมื่อลงเดินมีขนาด 1 นิ้วใน 1 เดือน หลังจากนั้น 7 วันจะเกิดการลอกคราบอีกครั้งหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนน้ำให้กุ้ง
สิ่งที่ควรระมัดระวังในการเลี้ยงกุ้ง คือ กุ้งสวยงามไวต่อสารเคมีมาก อาทิ ยาทาเล็บ ผมที่ถูกการย้อมสีและขนของสัตว์เลี้ยง การล้างจานเสร็จแล้วโดนน้ำเลี้ยงกุ้ง การฉีดสเปรย์ต่างๆทั้งคนและสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
ส่วนวิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในบ่อดิน จะมีต้นทุนในการขุดบ่อ ด้วยขนาดมาตรฐาน 1 ไร่ สามารถขุดได้ 2 บ่อ ด้วยขนาด 40*40 เมตร หรือพื้นที่มีขนาด 2 งาน ขุดได้ 2 บ่อ ขนาด 20*40 เมตร และต้องมีความลึกมากกว่า 80 ซม. โดยจะถ่ายเทน้ำได้สะดวก การให้อาหารง่าย บริหารง่าย โดยเมื่อโตแล้ว 1 บ่อจะขายได้ 50-70 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 600 บาท (ราคาขั้นต่ำ) ถ้ามีประมาณ 6 บ่อ จะได้รายได้ต่อเดือนอย่างต่ำ 10,000 บาท (หักต้นทุนแล้ว) โดยกุ้งก้ามแดงที่จะขายจะต้องคัดเกรด หากเป็นกุ้งที่ก้ามหักขาหักก็นำส่งไปยังร้านหมูกระทะ ส่วนแขนขาครบและมีขนาดใหญ่ก็ส่งไปยังโรงแรม ขนาดกลางก็ส่งตามร้านอาคารหรือภัตตาคาร
คุณวษวรรธ์ นิลวรรณ ทีมผู้เลี้ยงกุ้งโกสฟาร์มสวนสุขกุ้งก้ามแดง เผยว่า จากกรณีที่กุ้งเครฟิชหรือกุ้งสวยงาม ประเภทโกส คือเปลี่ยนแปลงสีได้ และราคาสูงหลักล้านนั้น แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ขายและผู้ซื้อและขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของฟาร์มนั่นเอง ส่วนสีกุ้งที่จะได้ราคาดีคือ เน้นไปที่พื้นสีขาวและมีลายจุดลักษณะคล้ายวัว หรือเรียกว่าด่างวัว ก้ามทั้ง 2 ข้างมีสีแดง ก็จะได้ราคาดีที่มากกว่า 20,000 บาท และหากกว่ากุ้งมีเรื่องราว (Story) ก็จะได้ราคาดีมากขึ้น ส่วนต้นทุนในการเลี้ยงกุ้งนั้น สามารถเริ่มต้นได้ที่ 1,000 บาท รวมอุปกรณ์ในการเลี้ยงพร้อมกุ้งลงเดิน 1-2 ตัว แต่หากมีงบมากขึ้นก็ซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาผสมพันกัน ตั้งแต่ราคาหลักพันขึ้นไป ทั้งนี้ หากอยากได้พันธุ์ที่สีสันสวยงามต้องทำให้เลือดนิ่ง ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายมาจนถึงลูกหลานที่ต้องมีสีสวยงาม