พอคิด ก็เริ่มวางแผน โจทย์แรกคือ จะขายอะไร? ก็เริ่มมาคิดว่า ลูกค้าที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารซีฟู้ดนั้นมีเยอะมาก อีกทั้งยังเป็นตลาดที่น่าจะยังมีช่องทางที่เปิดกว้างในการทำธุรกิจนี้ ธุรกิจร้านอาหารซีฟู้ด จึงเริ่มก่อตัวในความคิดเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น “….ตอนช่วงแรก ผมเริ่มต้นจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเงินทุนก่อน ต้องเล่าย้อนไปก่อนหน้านี้ ผมเปิดร้านที่ขายส่งเนื้อปูม้าอยู่แล้ว ก็อาศัยการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนี้ ดูว่าลูกค้าชอบอะไร ส่วนไหนที่ลูกค้านิยมรับประทาน หลังจากขายส่งตามร้านอาหารมาได้สองปี ก็เริ่มเปิดโรงงานของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มมีแพ(หน้าร้านขายส่ง 2 ที่) จากนั้นจึงเริ่มหันมาขายปลีกผ่าน Social network ปัจจุบัน ผมเปิดร้านอาหาร“Blue ocean เนื้อปูม้า เนื้อปูนึ่ง พร้อมทาน” เป็นของตัวเองครับ 
จุดเด่นของร้าน Blue Ocean คือเราเน้นการบริการที่ดี และสินค้าต้องสดใหม่ครับ เราเพิ่มการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมควบคู่กันไป ปูของเราเป็นของที่สดใหม่ วันต่อวัน นอกจากนี้ ยังมีบริการแกะปูให้แบบมืออาชีพ ในส่วนนี้เราทำขึ้นเพราะเราเห็นปัญหาของคนชอบทานปูส่วนใหญ่จะไม่ชอบแกะ หรือ ขี้เกียจแกะปู เราจึงนำปัญหามาแปลงเป็นกลยุทธ์ของทางร้านคือ “ไม่อยากแกะปู…บอกบลูโอเชี่ยน” 
ณัฐภัทร เล่าถึง Business Model ของการทำธุรกิจร้าน Blue Ocean ด้วยว่า “….เราดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือเริ่มตั้งแต่การไปรับเนื้อปูจากเรือประมงต่างๆ แล้วจึงนำมาแกะ ผลิต นำมาใส่บรรจุภัณฑ์ จากนั้นเราพร้อมส่งภายในวันเดียวกัน มายังจุดกระจายสินค้าต่างๆ ในกรุงเทพ เมื่อผ่านการตรวจสอบ เช็คความสมบูรณ์ของวัตถุดิบที่เราได้มาเรียบร้อยดีแล้ว จึงนำไปขายให้ผู้บริโภค…” 
นอกจากนั้น หากพูดถึงอุปสรรคในการทำธุรกิจ จะเป็นเรื่องการแข่งขันที่สูง อย่างที่บอกคือแม้ว่าตลาดยังกว้าง แต่ธุรกิจนี้มีฐานลูกค้าจำนวนมาก ทำให้มีคนลงมาเล่นในตลาดนี้เยอะมาก เรียกว่าเป็นเรดโอเชี่ยน (Red Ocean) เลยก็ว่าได้ เราก็พยายามสู้ในเรื่องของราคา ให้สินค้าเรามีราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่น ในขณะที่คุณภาพที่ดียังคงอยู่ และสิ่งสำคัญ สินค้าห้ามขาดเด็ดขาด ส่วนปัญหาอื่นๆ พอมีบ้างในเรื่องของน้ำหนัก นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องของฤดูกาล ภัยธรรมชาติ ทำให้บางช่วงเรามีผลผลิตที่ลดลง Key Success
จากภูมิปัญญาสู่เวทีโลก เส้นทางอุตสาหกรรม Health-Wellness ไทย สู่เบอร์หนึ่งในใจคนทั่วโลก
ท่ามกลางกระแสสุขภาพและเวลเนส (Health-Wellness) ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั่วโลก ประเทศไทยได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจสปาและเวลเนสระดับสากล ด้วยจุดแข็งด้านภูมิปัญญาไทยและมาตรฐานการบริการที่โดดเด่น ศักยภาพสปาไทยในตลาดโลก: มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ นางสาวชวนัสถ์ สินธุเขียว ประธานสมาพันธ์สมาคมสปาแอนด์เวลเนสไทย และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในวงการสปาและเวลเนส เผยถึงความสำเร็จของธุรกิจสปาไทยในเวทีโลก พร้อมชี้ให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตในตลาดที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ นางสาวชวนัสถ์ สินธุเขียว ประธานสมาพันธ์สมาคมสปาแอนด์เวลเนสไทย “ความโดดเด่นของสปาไทยอยู่ที่การผสานศาสตร์การนวดไทยเข้ากับแนวคิดเวลเนสระดับสากลได้อย่างลงตัว การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนามาตรฐาน ทำให้สปาไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ” แนวโน้มและการเติบโตของสปาไทยในตลาดต่างประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สปาไทยได้รับความนิยมสูงในตลาดสำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป อย่างประเทศฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ที่นิยมศาสตร์การนวดแบบไทยเพื่อการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะดูไบและประเทศในกลุ่ม GCC ต่างให้ความสนใจเปิดธุรกิจสปาไทยในโรงแรมและรีสอร์ตระดับหรู ส่วนในเอเชีย ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน มีความต้องการเทอราปีสไทยสูงมาก เนื่องจากชื่นชอบเทคนิคการนวดที่เป็นเอกลักษณ์และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีคุณภาพ การปรับตัวสู่เทรนด์ Medical Spa และ Wellness Retreat ธุรกิจสปาไทยได้พัฒนาก้าวไกลกว่าการให้บริการนวดเพื่อผ่อนคลาย โดยมุ่งสู่การเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มีการผสมผสานการแพทย์แผนไทยกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่การตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนรับบริการ การจัดโปรแกรมโภชนาการเฉพาะบุคคล ไปจนถึงการดูแลสุขภาพจิตผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำสมาธิ โยคะ และการบำบัดด้วยกลิ่น นอกจากนี้ […]
