ก.อุต เคาะหลักเกณฑ์กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีประชารัฐ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. เบื้องต้นอัดฉีดจังหวัดละ 100 ล้านบาท 2.แบ่งตามมูลค่า GPPของจังหวัดแยกเป็น 4 กลุ่ม และ 3. เชื่อมโยง 10 กลุ่มอุตฯ S-Curve เตรียมนำร่อง 4 จังหวัดแรกใน 20 เม.ย.นี้
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท ว่าขณะนี้ได้การดำเนินการต่าง ๆ ไปถึงในระดับจังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ประชุมร่วมกันระหว่างคณะอนุกรรมการในระดับส่วนกลาง ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐประจำจังหวัด ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือพร้อมทำความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ รวมถึงหลักในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้และการกำหนดรูปแบบวงเงินที่สมควรอนุมัติ
ทั้งนี้ ได้วางกรอบเบื้องต้นแบ่งการจัดสรรกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐให้กับจังหวัดต่าง ๆ โดยคำนวณตามหลักการกระจายการพัฒนาให้ทั่วถึงและสัดส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่เป็นกลุ่ม 10 S-Curve และกลุ่มที่จะยกระดับและพัฒนาไปสู่ 10 S-Curve รวมทั้งธุรกิจที่มีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด โดยจะเริ่มนำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เชียงใหม่ สงขลา และชลบุรี ภายในวันที่ 20 เมษายนนี้ และคาดว่ากลางเดือนพฤษภาคมจะเริ่มรับคำขอและอนุมัติกองทุนให้ผู้ประกอบการได้นำไปพัฒนากิจการ
ด้านนายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ข้อมูลเสริมว่า กรอบวงเงินและเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอีนั้น เบื้องต้นแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 จัดสรรเท่ากันทุกจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายการพัฒนาให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ คือ จังหวัดละ 100 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 คือ การจัดสรรตามสัดส่วนของ GPP ซึ่งจำนวนและวงเงินที่จัดสรรแตกต่างไปตาม 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 GPP ไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ได้รับจัดสรร 62ราย วงเงิน 186 ล้านบาท (54 จังหวัด) กลุ่มที่ 2 GPP ตั้งแต่ 100,001 – 500,000 ล้านบาท ได้รับจัดสรร 68 ราย วงเงิน 204 ล้านบาท (19 จังหวัด) กลุ่มที่ 3 GPP ตั้งแต่ 500,001 ล้านบาท ขึ้นไปได้รับจัดสรร 75 ราย วงเงิน 225 ล้านบาท (3 จังหวัด) และกลุ่มที่ 4 กรุงเทพฯ GPP 4,437,405 ล้านบาท ได้รับจัดสรร 85ราย วงเงิน 255 ล้านบาท
และส่วนที่3 คือ เงินสำรองส่วนกลางที่จะทำการจัดสรร เพื่อการร่วมลงทุน และสำหรับกิจการที่มีความสำคัญสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และกลุ่มธุรกิจหลักที่เป็นกลุ่ม 10 S-Curve หรือที่เชื่อมโยงและจะพัฒนาไปสู่กลุ่ม 10 S-Curve หรือธุรกิจที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดที่บางพื้นที่อาจมีความต้องการเพิ่ม ซึ่งจะจัดสรรให้ในโอกาสต่อไปอีกกว่า 3,000 ล้านบาท