ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาวะโลก สังคม เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเราก็ต้องมีการปรับแนวคิดตามไปด้วยเช่นกัน จริงๆ แล้วทุกวันนี้พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป การซื้อขายสินค้าทำได้ง่ายขึ้น ซื้อขายผ่านออนไลน์ได้เลย ยุคนี้ ถ้าไม่เปลี่ยนนี่รอดยาก โดยเฉพาะกับคนที่ทำธุรกิจยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ซึ่งคุณชาคริตก็มีการยกตัวอย่างเกี่ยวกับการรีวิวน้ำปลามาให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น เรียกได้ว่ามีการทำเป็นบล็อกขึ้นมา ว่าน้ำปลายี่ห้อไหน เป็นยังไง ซึ่งอันดับ 1 ก็คือน้ำปลาของญี่ปุ่น ซึ่งผู้ที่ทำน้ำปลายี่ห้อนี้ก็ไม่ใช้บริษัทยักษ์ใหญ่เลย เป็น SME รายเล็กๆ เคล็ดลับคือ เค้าหมักในถังไม้โอ๊ค พอสินค้าดี มีการทำการตลาดลงขายในออนไลน์ ขายผ่านเวป ก็ทำให้คนทั่วโลกสามารถสั่งซื้อน้ำปลาจากญี่ปุ่นมาทานได้ ทีนี้ย้อนกลับมามองตัวเราครับ ว่าสินค้าของคนไทยเรา มีโอกาสแบบนี้บ้างไม๊ และเรากำลังก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ ฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ๆ
คุณชาคริตยังบอกอีกว่า ปัจจุบันนี้มีการทำแอบพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค คือแอบพลิเคชั่นเหล่านั้น จะสร้างรายได้ให้กับผู้คิดและอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ เพราะทุกวันนี้ ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบาย มีการยกตัวอย่างของกาแฟเจ้าใหญ่อย่างสตาบั๊ค จากที่เคยเติมตังในบัตร ก็พัฒนามาเป็นแอบพลิเคชั่นซึ่งลูกค้าสามารถเติมเงินเข้าไปในแอ็บได้ ซึ่งคนนึงเติมส่วนใหญ่ก็ 1000 บาทขึ้นไป คิดดูคนใช้แอบนี้เกือบทั่วโลก เรียกได้ว่ามีเงินมากกว่าพันล้านเหรียญ โดยที่บางทีของก็ยังไม่ได้ขาย เวลาคนไปซื้อกาแฟก็สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นแค่สแกนบาร์โค๊ด จะเห็นได้ว่า จากเมื่อก่อนเราใช้เงินสด ก็พัฒนามาเป็นบัตรเครดิต และทุกวันนี้เริ่มเข้าสู่ดิจิทัลนะครับ เงินสดนี่จะค่อยๆหายไป ฉะนั้นเจ้าของธุรกิจหรือพ่อค้าแม่ค้าต่างๆต้องปรับตัว
ยิ่งในยุคดิจิทัล เราสามารถเชื่อมโยงหลายสิ่งหลายอย่างไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อจะเห็นได้ว่าตอนนี้คราวฟันดิ้งก็กำลังเกิด แต่ที่สิงคโปร์นี่คราวฟันดิ้งเกิดมาได้ซักระยะแล้วและเติบโตเร็วมากๆ นี่เป็นโอกาสใหม่ๆที่เกิดขึ้น แล้วทีนี้เราจะทำยังไง เริ่มตรงไหน ง่ายๆเลยก็คือเริ่มจากคนนี่แหละ คือต้องเข้าใจคนก่อน คนนี่หมายถึงลูกค้าพฤติกรรมของลูกค้า หรือแม้แต่คนหรือพนักงานของเรา เราก็ต้องเข้าใจเขา เมื่อเข้าใจแล้วก็ต้องเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมด้วย แล้วทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้
