อาการเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ เป็นเรื่องปกติที่คนทำงานต้องเจอ เมื่อเจอกับงานหนักมาตลอดทั้งวัน ซึ่งอาการเหล่านั้นก็สามารถหายไปได้เมื่อได้พักผ่อนเต็มที่แต่ถ้าหากพักผ่อนแล้ว หรือหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายแล้ว แต่ยังรู้สึกหมดไฟในการทำงานและรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังไม่สบายหรือป่วยแล้ว สำรวจตัวเองสักนิดว่าคุณมีอาการแบบนี้หรือเปล่า เบื่อหน่าย ท้อแท้ หงุดหงิดง่าย ไม่อยากคุยกับใคร นอนไม่ค่อยหลับ สมองไม่แล่น ขาดสมาธิในการทำงาน ปวดหลัง ปวดศรีษะ ท้องไส้ปั่นป่วนบ่อย ๆ ถ้าใช่แสดงว่าคุณ อาจจะอยู่ในภาวะ “BURNOUT SYNDROME”
วิธีสังเกตุอาการของง่าย ๆ ดังนี้
- อ่อนเพลีย
สัญญาณที่ชัดเจนของโรค BURNOUT SYNDROME คือ จะรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา โดยอาการอ่อนเพลียนี้จะส่งผลกระทบต่อภาวะอารมณ์ สภาพจิตใจ รวมทั้งสภาพร่างกายอีกด้วย
- ขาดแรงจูงใจ
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองขาดความกระตือรือร้นและรู้สึกหมดแรงจูงใจในการทำงาน วิธีสังเกตอาการได้ง่ายที่สุด คือ หากในตอนเช้าคุณรู้สึกไม่อยากไปทำงาน แบะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก กว่าจะลากตัวเองออกจากเตียงมาทำงาน
- อารมณ์ร้าย
มองโลกแง่ลบ คือ เริ่มทำอะไรต่าง ๆ โดยไม่สนใจใคร และ สิ่งรอบข้าง เริ่มมีทัศนคติลบกับงานที่ทำอยู่ มองสิ่งที่ทำแง่ร้ายตลอดเวลา ในขณะที่คนอื่นจะเกิดความรู้สึกแค่ในบางครั้ง
- ไม่มีสมาธิ
ความเครียดเรื้อรังจะไปรบกวนจิตใจทำให้คุณไม่มีสมาธิ เพราะเมื่อเรากำลังเครียด ความสนใจของเราจะลดน้อยลงและจะให้ความสนใจแต่ในสิ่งที่เป็นแง่ลบ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจ การแก้ปัญหาและทำให้คุณขี้ลืมได้เช่นกัน
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
ลองนำผลงานเก่าๆมาเปรียบเทียบกับงานล่าสุดของคุณหากงานในปัจจุบันของคุณไม่ค่อยดีเท่าไร นั่นแปลว่าโรคนี้กำลังเริ่มคุกคามคุณเพราะความเหน็ดเหนื่อยจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณลดลง
- มีปัญหากับที่บ้านหรือที่ทำงาน
หากคุณขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น หรือเริ่มมีการพูดคุยกับเพื่อนที่ทำงานและครอบครัวลดลง นั่นแปลว่าคุณกำลังมีอาการของโรค
- ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
เมื่อผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงขึ้น มักจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ผิด เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ บางรายก็อาจจะนอนไม่หลับทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เครียดกว่าเดิม
- หมกมุ่นอยู่กับการทำงาน
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ที่ทำงานก็ตาม จนทำให้คุณเอาแต่ทำงานจนกลายเป็นคนบ้างาน ทั้งที่เป็นเวลาที่คุณควรพักผ่อน ส่งผลให้คุณไม่มีเวลาผ่อนคลาย
- มีความสุขน้อยลง
เมื่อโรคดังกล่าวถูกคุกคามชีวิตคุณจนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะทำให้คุณมีความสุขและพึงพอใจกับชีวิตส่วนตัวรวมทั้งการทำงานน้อยลง ขนาดแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึก ไม่พอใจจนทำให้คุณอาจหงุดหงิดไปได้ทั้งวัน
- สุขภาพย่ำแย่
ความเครียดที่สะสมจนเรื้อรัง จะส่งผลต่อสุขภาพ ได้มากมาย
วิธีปฏิบัติหากเกิดอาการเหล่านี้
- ผ่อนคลายความเครียด
โดยการหากิจกรรมทำ ซึ่งกิจกรรมที่ทำต้องรู้สึกผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด
- หากิจกรรมอย่างอื่นทำ
นอกเหนือจากการทำงาน ควรมองหากิจกรรมที่สร้างความท้าทายและออกไปใช้ชีวิตจริง ๆ อย่างเช่น กีฬา ออกกำลังกาย
- เลิกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ในเวลาพักผ่อนควรหลีกเลี่ยงให้ห่างจากสิ่งของเหล่านี้
- นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมง/วัน นั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและผลของงาน
- จัดระเบียบให้ชีวิต
เรียงลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต
- ขอความช่วยเหลือ
ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน หรือคนรอบข้าง ถ้าหากอาการมีผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตก็ควรพบจิตแพทย์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก วารสารกรมสรรพากร ฉบับที่ 60 ประจำเดือน พฤษภาคม 2560