“สมคิด” ลั่นดันไทยสู่ “ยุค 4.0” หนุนแกร่งเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ หัวหอกขับเคลื่อนประเทศ


รองนายกฯ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้โตตามเป้า 3.3-3.8%  เร่งดันเข้าสู่ยุค Smart Thailand 4.0 ขีดเส้นเห็นผลภายใน3ปี   ระบุรัฐบาลมุ่งเดินหน้าสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้เกิดในกลุ่มเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ เพื่อเป็นหัวหอกขับเคลื่อนประเทศ   มอบการบ้าน “ดีอี” เร่งวางเครือข่ายเน็ตประชารัฐทั่วประเทศ  และจัดตั้ง“สตาร์ทอัพ คลับ” ในสถาบันการศึกษา

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “True Business Forum 2017”  ภายใต้แนวคิด  Thailand 4.0 ว่า มั่นใจ เศรษฐกิจไทยในปีนี้ (2550) จะขยายตัวได้ 3.3-3.8% เป็นไปตามเป้าหมายที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินไว้ โดยรัฐบาลจะเน้นการเบิกจ่ายภาครัฐให้เป็นไปตามเป้า รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2560 ให้เป็นไปตามเป้า และการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดี และหวังจากผลการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง

“GDP ไตรมาส 1 ที่โต 3.3% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี และถือเป็นครั้งแรกที่สะท้อนการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในมุมกว้าง ทั้งภาคเกษตรที่ราคาสินค้าปรับตัวดีขึ้น ภาคการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวตามลำดับ ซึ่งไตรมาส 1 โตได้ถึง 6% การลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยวที่ไปได้ดี ยังมีเพียงการลงทุนจากภาคเอกชนที่ยังไม่ค่อยขยับ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจภายในปีนี้จะดีขึ้น จะมีการเดินหน้าในโครงการขนาดใหญ่ และเชื่อว่าการลงทุนภาคก่อสร้างจะเริ่มเติบโต” นายสมคิด ระบุ

นายสมคิด  ระบุด้วยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีอัตราต่ำกว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน เป็นผลจากการที่ไทยเน้นเพียงแต่การส่งออกเป็นหลัก และไม่มีการเติบโตจากภายในประเทศ ประชาชนยังมีรายได้น้อยส่งผลให้ไม่มีอำนาจซื้อ และเมื่อราคาสินค้าเกษตรตกต่ำยิ่งส่งผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่ำลงไปด้วย

นอกจากนั้น ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องความสามารถในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งมาจากค่าแรงสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และสิ่งสำคัญ คือ  เอกชนไทยไม่มีการปรับตัวทางด้านเทคโนโลยี และดิจิตอล ไม่มีการสร้างนวัตกรรม ทำให้ไม่สามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้

ดังนั้น นโยบายสำคัญของรัฐบาล คือ การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทยด้วยการนำเรื่องของดิจิตอล และนวัตกรรมมาเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศ เน้นส่งเสริมให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์สามารถต่อยอดทางเศรษฐกิจได้ ให้เกิดเป็นสตาร์ทอัพ เพื่อทำให้ภาคเอสเอ็มอี เกิดความเข็มแข็ง ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจประเทศปรับตัวดีขึ้น

“รัฐบาลพยายามปรับเปลี่ยนจากโลกสมัยเก่าสู่โลกสมัยใหม่ และผสมผสานระหว่างคนยุค 1.0-4.0 ให้อยู่ด้วยกันได้ และหวังให้เด็กตั้งแต่ยุค 2000 เป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็น Smart Thailand 4.0 อย่างแท้จริง และแม้ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอาจจะไม่เห็นผลในระยะเวลาเพียง 1 ปี แต่หวังว่าจะเห็นผลภายในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งเวลาที่เหลือของรัฐบาลจะเร่งดำเนินการ และขอความร่วมมือจากประชารัฐในการร่วมขับเคลื่อนด้วย” นายสมคิด กล่าว

รองนายกฯ ระบุด้วยว่า  ได้กำชับให้ทางกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เร่งรัดวางระบบเครือข่ายเน็ตประชารัฐ 24,700 หมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ให้ได้ รวมทั้งได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้ไทยกลายเป็น Internation Gateway ภายใน 1 ปี เพราะหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายในการจัดตั้ง “สตาร์ทอัพ คลับ” ในระดับโรงเรียน และระดับมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้ใช้เวลาว่างในการต่อยอดเพื่อไปสู่การเป็นสตาร์ทอัพในอนาคต และรัฐบาลยังออกคำสั่ง ม.44 ในการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก หรือสถาบันการศึกษาของไทยที่เน้นการเรียนการสอนทางด้านนวัตกรรม หรือสาขาที่ยังขาดแคลนบุคลการ ให้เข้าไปตั้งอยู่ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกได้ (อีอีซี) ได้

อีกทั้ง ยังมีแนวคิดในการส่งเสริมทางด้านฟินเทค โดยสั่งการไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ศึกษาแนวทาง และผลักดันให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ต้องให้บริการด้านฟินเทคให้ได้ เพื่อช่วยรองรับ และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี