เนื่องจากประเทศไทยมีฐานเศรษฐกิจจากภาคเกษตรมาช้านาน จนปัจจุบันเข้าเราได้ก้าวเข้าสู่ยุคนวัตกรรม 4.0 ส่งผลให้การผลิตสินค้าประเภทอาหารแปรรูปไม่ว่าจะเป็นจากพืช ปศุสัตว์และประมง เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก ที่สำคัญธุรกิจนี้ยังสามารถสร้างโอกาสให้กับ SMEs ได้ยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะกลุ่ม Startup ที่ต้องการสร้างธุรกิจเป็นของตนเองด้วยไอเดียสดใหม่ ซึ่งครั้งนี้ Smart SME จะพาทุกคนไปศึกษาถึงปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ที่ช่วยส่งผลให้
“ธุรกิจอาหารแปรรูปประสบความสำเร็จ”
ปัจจัยความสำเร็จที่เกิดจากภายใน (ตัวผู้ประกอบการ)
- สร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ ซึ่งต้องตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า แก้ปัญหาผู้บริโภคได้ โดยความแตกต่างนั้นต้องมีทั้งด้านสินค้าและบริการ แล้วนำไปบวกกับการบริหารจัดการที่ทันสมัย ที่สำคัญของความสร้างสรรค์คือมันต้องเกิดจาก passion ของคุณด้วย
- มีความกล้า “อย่างแรกคือกล้าเสี่ยง” เพราะไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง ขึ้นอยู่ว่ามันจะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อย ซึ่งก่อนตัดสินใจลงทุน SMEs ต้องเลือกทำสิ่งที่ไม่ไกลเกินความสามารถ ศึกษาข้อมูล วางแผน เลือกการผลิตที่มีความถนัดและรู้จักใช้เครื่องมือที่เหมาะสม “ถัดมาต้องกล้าคิด กล้าลงมือทำ กล้าตัดสินใจ” ซึ่งในการตัดสินใจต้องมีทั้งข้อมูลวัตถุดิบและข้อมูลผู้บริโภคประกอบกัน เมื่อศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบแล้ว ต้องหนักแน่น มีความเชื่อมั่นในตัวเองและในสิ่งที่ลงมือทำ
- ไม่หยุดนิ่งพัฒนา เนื่องจากการผลิตสินค้าในยุคนี้ มีการนำนวัตกรรมสุดทันสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทำให้ผู้ประกอบการต้องคิดค้นหรือพัฒนาสินค้าให้สดใหม่อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญคือต้องไม่หยุดอัพเดทความต้องการของผู้บริโภคด้วย
- ซื่อสัตย์จริงใจกับทั้งตัวเองและ partner (ลูกค้า, ลูกจ้าง, หุ้นส่วนธุรกิจ) เพราะความซื่อสัตย์จริงใจ สามารถสร้างความน่าเชื่อถือไว้วางใจได้ ส่งผลให้ทุกคนที่เป็น partner เต็มที่กับผู้ประกอบการจนเกิดเป็นความงอกงามทางธุรกิจ
- มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะสิ่งนี้จะช่วยส่งให้ SMEs มองเห็นโอกาสใหม่ๆในธุรกิจ ทั้งยังทำให้เกิดความมุ่งมั่นและพลังในการพาธุรกิจไปถึงฝั่งฝัน
ปัจจัยความสำเร็จที่เกิดจากภายนอก (ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป)
- ส่วนประกอบ (Ingredient)
ถ้าจะบอกว่า “ส่วนประกอบถือเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจอาหารแปรรูป” ก็คงไม่ผิด เพราะถ้าคุณสังเกตดีๆจะเห็นว่าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย, แมลงทอดไฮโซ, ปูอัดทอดกรอบคูซ่า, คางกุ้งทอดโอคุสโน่หรือแม้แต่แบรนด์อื่นๆ ก็ต่างเริ่มต้นจากไอเดียที่ต้องการนำวัตถุดิบที่ยังไม่เป็นที่นิยมหรืออาจเข้าถึงยาก มาแปรรูปในแบบเฉพาะที่มีเอกลักษณ์ของรสชาติ ด้วยการแต่งเติมส่วนผสมและส่วนประกอบ แต่!อย่าลืมว่าเมื่อธุรกิจเติบโต การส่งออกไปแต่ละที่ก็ต่างมีกฎหมายห้ามนำเข้าส่วนผสมแต่ละชนิดที่ต่างกันออกไป ซึ่งข้อนี้ SMEs ต้องศึกษาข้อห้ามและความนิยมของแต่ละประเทศโดยละเอียด
- บรรจุภัณฑ์ (Packaging)
นอกจากการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับวัตถุดิบและเก็บรักษาอาหารให้ยาวนานตามกลไกตลาดแล้ว อีกสิ่งที่ควรเน้นหนักไม่แพ้กันคือเรื่องของรูปลักษณ์ เพราะการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบัน ส่งต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นอย่างมาก (ย้ำว่ามากจริงๆ) โดยกระทบอย่างยิ่งกับคนในกลุ่ม millennials aged (อายุ 19 – 35 ปี) ที่มีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าจากแพคเกจจิ้งที่โดดเด่นสวยงาม
- เครื่องจักร (Machine)
ปัจจุบันเครื่องจักรที่ใช้แปรรูปอาหารในประเทศไทยมีมากมายหลายประเภท ซึ่งมีมากเท่าที่ผู้ประกอบการอยากจะแปรรูปอาหารไปในทิศทางไหน แต่ก็ต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าสินค้าที่อยากจะทำมันมีความเหมาะสมกับการแปรรูปแบบใดได้บ้าง ที่สำคัญต้องไม่ลืมดูเรื่องต้นทุนการผลิต โดยครั้งแรกที่เริ่มธุรกิจผู้ประกอบการอาจยังไม่ต้องนำเงินไปลงทุนซื้อเครื่องจักรราคาแพงๆ แต่ขอแนะนำให้จ้างโรงงาน outsource ช่วยวิจัยและช่วยผลิต เมื่อได้ทดลองตลาดแล้วมีแนวโน้มที่ดีจึงค่อยๆต่อยอดออกไป
- การหลอมหลวมกันทั้ง 3 สิ่งเข้าด้วยกัน (Combine)
เมื่อผู้ประกอบการศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ วิจัย คิดสูตรจนมีโปรดัคชั่นผลิตที่พร้อมแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายขอให้หลอมรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกันอย่างมีมาตรฐาน เอกลักษณ์และนำเสนอมันออกมาให้น่าดึงดูดใจผู้บริโภคมากที่สุด โดย Key success สำคัญในการทำธุรกิจแปรรูปอาหารยุคนี้คือ “ตอบโจทย์ลูกค้า + คุณภาพ + นวัตกรรม + สวยงามโดดเด่น”