ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสมัยก่อนแล้วคนไทยมีพฤติกรรมการกินข้าวมาตั้งแต่ในสมัยก่อนแล้ว แต่ข้าวที่นิยมรับประทานเป็นอย่างมากคือ ข้าวเหนี่ยว ส่วนการรับประทานข้าวเจ้านั้นเริ่มมาได้รับความวัฒนธรรมอินเดียและประเทศไทยเองถือเป็นประเทศต้นๆที่ผลิตและส่งออกข้าว ซึ่งถือเป็นอันดับ 2 ของโลก จะเห็นได้ว่าข้าวนั้นมีความสำคัญกับชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน

บทพิสูจน์ฝีมือผู้สืบทอด กับความสำเร็จหลักพันล้าน “ข้าวตราไก่แจ้” การพลิกฟื้นธุรกิจให้เติบโต โดยทายาทรุ่นใหม่ ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองจนกว่าจะได้เข้ามาพัฒนาจนเป็นข้าวสารพันล้าน พร้อมการต่อยอดสู่สินค้าเพื่อคนยุคใหม่ที่ใครๆก็ถามถึง พบกับคุณธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 2 ข้าวตราไก่แจ้

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อนหน้านี้ที่ธุรกิจข้าวตราไก่แจ้ได้ถือกำเนิดขึ้นมา โดยแรกเริ่มนั้นคุณพ่อของคุณธีรินทร์ทำอาชีพประจำเป็นพนักงานแบงค์มาก่อน แต่ด้วยตอนนั้นคุณพ่อมีลูกเพิ่มขึ้นมาอีกคนคือน้องของคุณธีรินทร์ทำให้เงินที่ได้จากเงินเดือนไม่พอใช้กับค่าใช้จ่ายในครอบครัวจึงมีความคิดที่จะทำข้าวสารแพ็คถุงขึ้นมาจึงตัดสินใจลาออกจากงาน

โดยเริ่มแรกนั้นคุณพ่อได้ไปชักชวนญาติพี่น้องที่ว่างงานมานั่งกรอกข้าวสารใส่ถุงให้ ซึ่งวิธีการคือไปซื้อข้าวสารมา สั่งผลิตถุง ใส่ข้าวสาร และปิดผนึกถุงด้วยฝีมือคนโดยไม่ทุกวิธีไม่ใช้เครื่องจักรใดๆมาช่วย แบกขึ้นรถเร่ขายตามชุมชนทั่วไป ซึ่งในตอนนั้นก็ใช้ชื่อแบรนด์ข้าวตราไก่แจ้มาตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ โดยผลตอบรับที่ได้นั้นก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องมาจากคนยังเคยชินในการซื้อข้าวชั่งเป็นถุง และไม่สามารถขยายฐานลูกค้าไปในกรุงเทพฯได้เนื่องมาจากประสบปัญหาในเรื่องของการเดินทางจากชลบุรีไปกรุงเทพทำให้ต้องลดการส่งข้าวไปขายที่กรุงเทพลงแล้วไปโฟกัสการขายที่ชลบุรีให้มากขึ้นแทน

หลังจากนั้นเมื่อคุณธีรินทร์โตขึ้นธุรกิจก็ยังไม่มีการพัฒนา ยังเป็นการขายแบบเถ้าแก่อยู่เหมือนเดิม จึงถือเป็นความท้าทายของทายาทรุ่นที่ 2 ที่จะเข้ามาพัฒนาธุรกิจของคุณพ่อให้เติบโตขึ้น โดยในตอนแรกคุณแม่ให้คุณธีรินทร์ไปหางานทำ ซึ่งเมื่อคุณธีรินทร์ได้ลองทำงานดูแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากที่จะทำ ซึ่งสิ่งที่คุณธีรินทร์คิดไว้คือการพัฒนาธุรกิจข้าวตราไก่แจ้ให้เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จ ซึ่งทายาทคนนี้จะสามารถสร้างความสำเร็จให้กับข้าวตราไก่แจ้ได้หรือไม่ ติดตามได้ที่ บทพิสูจน์ฝีมือผู้สืบทอด กับความสำเร็จหลักพันล้าน “ข้าวตราไก่แจ้” (ตอน2)