ติดป้าย Best Seller กลยุทธ์จิตวิทยาที่เปลี่ยน ‘ความไม่แน่ใจ’ ให้เป็น ‘การตัดสินใจซื้อ’
หนึ่งวิธีที่สร้างการดึงดูดของผู้ขายของคือการป้าย “Best Seller” หรือ “สินค้ายอดนิยม” มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในระดับที่สูงมาก กลยุทธ์นี้ทำงานโดยอาศัยหลักการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “หลักฐานทางสังคม” (Social Proof) เมื่อลูกค้าเห็นว่าสินค้าชิ้นใดถูกประทับตราว่าเป็นสินค้าขายดี ลูกค้าจะเกิดการรับรู้ทันทีว่าสินค้านั้นได้ผ่านการพิสูจน์คุณภาพและความน่าเชื่อถือจากผู้ซื้อจำนวนมากมาแล้ว การตัดสินใจซื้อจึงกลายเป็น ทางลัดทางความคิด (Cognitive Shortcut) ที่ช่วยลดภาระในการค้นคว้าและประเมินข้อมูลด้วยตนเอง ทำให้ลูกค้ารู้สึก มั่นใจ และ ลดความเสี่ยงในการซื้อ (Mitigate Purchase Risk) ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่ขาดข้อมูลหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน การติดป้าย Best Seller นั้นมีพลังในการเร่งการตัดสินใจ เพราะมันกระตุ้น พฤติกรรมเลียนแบบ (Herd Mentality) ลูกค้าจะคิดว่า “ถ้าคนอื่นจำนวนมากเลือกซื้อ แสดงว่าสินค้าชิ้นนี้ต้องดีจริง” ส่งผลให้สินค้าที่มียอดขายดีอยู่แล้ว ยิ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์นี้จึงควรนำไปใช้กับ สินค้าที่สร้างความลังเลสูง และ สินค้าที่ไม่มีความแตกต่างชัดเจน (Undifferentiated Products) ตัวอย่างสินค้าที่ควรใช้กลยุทธ์นี้อย่างยิ่ง ได้แก่ 1) สินค้าเทคโนโลยีใหม่และซับซ้อน (High-Uncertainty) […]




“ที่บอกว่าเป็นความบังเอิญ เพราะธุรกิจนี้เกิดจากความชอบทั้ง 2 อย่างของเรา คือชอบใส่ “รองเท้าแตะ” มากๆ ชอบความสบายเวลาใส่ กับอีกอย่างหนึ่งคือ ชอบเปลี่ยน “เคสโทรศัพท์” บ่อยๆ เลยบอกคุณแม่ว่า อยากได้เคสโทรศัพท์ที่เป็น “รองเท้าแตะ” แรกๆ คุณแม่ก็งงว่าจะทำได้ยังไง แต่เราก็อ้อนจนคุณแม่ยอมทำให้ โดยเอารองเท้าแตะของเราจริงๆ มาตัด/แต่ง เป็นงานแฮนด์เมด ทำด้วยมือ จนได้เคสโทรศัพท์ชิ้นเดียวในโลกแบบไม่ซ้ำใคร….สมใจเลย”
“พอเราเอาไปใช้ ก็มีคนเข้ามาถามว่าสั่งที่ไหน ยังไง บางครั้งเอารูปมาโพสต์ลงในไอจีส่วนตัวก็มีคนมาสั่งออเดอร์ พอเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นก็เลยลองให้คุณพ่อติดต่อโรงงานที่เรามี Contact อยู่แล้ว โชคดีที่โรงงานเค้ายินดีทำให้ ความพิเศษ จู๊สว่ามันไม่ได้อยู่ที่ Design อย่างเดียว แต่มันสามารถตั้งวางได้ ใช้สะดวก วัสดุเราทนทาน ทำให้มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
ครั้งแรกที่สั่งทำคือจำนวน 200 ชิ้น ได้รับการตอบรับดี แต่ก็ยังขายไม่หมดในทีเดียว เราก็เริ่มเอามาโพสต์ขายใน Facebook กับ Instagram เพื่อกระจายสินค้า จากนั้นก็เริ่มบูมขึ้นมา มีคนแชร์ไปตามเพจต่างๆ จน AD Facebook ไปถึงประเทศลาว คนที่ลาวเค้าก็โทรมาติดต่อขอรับเราสินค้าไปขาย คนไทยที่อยู่ในประเทศเกาหลีเค้าเห็นสินค้าก็ติดต่อมา จนตอนนี้เรากลายเป็นผู้ผลิต แล้วก็มีตัวแทนจำหน่ายแบบที่เราไม่ต้องขายเอง
Key Success ของจู๊ส คือ ถ้าเรามีโอกาส ต้องรีบคว้าไว้ก่อน เมื่อได้ทำแล้วก็ต้องทำให้ต่อเนื่องจึงจะสำเร็จ…. “…..สำหรับแผนการตลาดของ JUDE Case ตอนนี้ถ้าในระยะใกล้ๆ นี้เรามีแผนจะทำรองเท้าแตะที่เป็นดีไซน์แบบอื่น ส่วนในระยะยาวเราอาจจะทำเคสมือถือในรูปแบบที่แปลกๆ ไม่เหมือนใคร (ขออุบไว้ก่อน) อย่าลืมติดตามกันค่ะ”
และนี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของ เด็กรุ่นใหม่ไม่ง้องานประจำ ที่ไม่กลัวการเริ่มต้น แต่กลัวที่จะไม่มีโอกาสให้ลองทำ เมื่อทำจนสำเร็จก็คิดต่อยอดไปเรื่อยๆ แบบไม่ให้หลุดมือ เป็นอีกหนึ่ง SME ตัวเล็กๆ ที่ไอเดีย ความคิด และความสามารถของเธอ ไม่เล็กเลยทีเดียว….. ช่องทางติดต่อ