EXIM BANK คลอดสินเชื่อ หนุน SMEs ส่งออก ชูดอกต่ำ แถมประกันเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน


EXIM BANK ผุดสินเชื่อ “ส่งออกทันใจทวีค่า” หนุนเอสเอ็มอีไทยขยายตลาดส่งออก รับแนวโน้มการฟื้นตัวภาคส่งออกช่วงครึ่งปีหลั คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5% แถมประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้ บสย.ค้ำประกัน วงเงินรวม 200 ล้านบาท กู้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธนาคารฯ ร่วมกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดสินเชื่อใหม่ “ส่งออกทันใจทวีค่า” (EXIM Instant Credit Super Value)” เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการส่งออกไทย โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี เพื่อขยายธุรกิจไปค้าขายในตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (2560) ซึ่งจากการประเมินของฝ่ายวิจัยธุรกิจ  EXIM BANK เชื่อว่า การส่งออกจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน  จากปัจจัย 1. เศรษฐกิจโลกและการค้าโลกฟื้นตัวดีขึ้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปี 2560 จะขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปีอยู่ที่ 3.5% และปริมาณการค้าโลกในปีนี้จะขยายตัว 3.8% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่การค้าโลกจะกลับมาขยายตัวสูงกว่า GDP โลก 2. ราคาน้ำมันฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันของไทยซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่า 13% ของมูลค่าส่งออกรวม 3. การส่งออกบริการช่วยกรุยทางให้โอกาสในการส่งออกสินค้าเปิดกว้างขึ้น 4. การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปที่นำมาผลิตเพื่อส่งออกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังจากหดตัว 3 ปีติดต่อกัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและการส่งออกในระยะถัดไปมีแนวโน้มฟื้นตัว

สำหรับ “สินเชื่อส่งออกทันใจทวีค่า”  พัฒนามาจากบริการ “สินเชื่อส่งออกทันใจ” ในปี 2559 เป็นสินเชื่อหมุนเวียนในช่วงก่อนและหลังการส่งออก โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 5 แสนบาทต่อราย วงเงินรวมประมาณ 200 ล้านบาท มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 400 ราย  ขณะที่ “สินเชื่อส่งออกทันใจทวีค่า”  ขยายวงเงินกู้สูงสุดถึง 2 ล้านบาท วงเงินรวม 200 ล้านบาท รวมถึง ให้วงเงินสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) มูลค่าเทียบเท่าวงเงินสินเชื่อ ด้านอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปีในปีแรก ปีที่2 คิดอัตรา -1% ต่อปี และปีที่ 3 เป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร โดยใช้เพียงบุคคลค้ำประกัน และหนังสือค้ำประกันของ บสย. ซึ่งคิดอัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.75%  โดยคาดว่า จะมีเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการนี้ ประมาณ 100-150 ราย และหากยังมีความต้องการสินเชื่อนี้อีก จะพิจารณาขยายวงเงินสินเชื่อต่อไป

“ที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของไทยส่วนมากมาจากผู้ประกอบการระดับใหญ่   ส่วนการส่งออกโดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีสัดส่วนเพียง 27% ของมูลค่าส่งออกของประเทศเท่านั้น ซึ่งปัจจัยหลักที่เอสเอ็มอีไทยยังไม่สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้มากนัก เกิดจากปัญหาด้านขาดสภาพคล่อง การเข้าถึงแหล่งทุนได้ยาก และมีความกังวลความเสี่ยงในการส่งออก ดังนั้นการทำโครงการ “สินเชื่อส่งออกทันใจทวีค่า”  จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีมีเครื่องมือทางการเงินเพื่อขยายการส่งออกได้มากยิ่งขึ้น” นายพิศิษฐ์  กล่าว