รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
6 ขั้นตอนสุดเซฟเมื่อต้องขับรถลุยฝน
ช่วงนี้ฝนตกบ่อยทำให้ยากที่จะหลีกเลี่ยงการขับรถในขณะที่มีฝนตก เราจึงนำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับขั้นตอนการขับรถท่ามกลางสายฝนมาฝากกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถขับรถในสถานะการณ์แบบนี้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยกันทุกคน
1. ผู้ขับขี่ควรเปิดที่ปัดน้ำฝน โดยปรับระดับความเร็วให้สัมพันธ์กับสภาพฝนที่ตกลงมา กดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลังเพื่อให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ในช่วงฝนตกใหม่ๆ น้ำที่กระเด็นขึ้นมาจากพื้นถนนจะมีลักษณะเหนียวคล้ายโคลน ควรใช้น้ำฉีดกระจกชะล้างคราบโคลนที่เกาะติดบนกระจก แต่ไม่ควรฉีดในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะทำให้มองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน
2. ในช่วงที่ฝนตกสภาพถนนจะเปียกลื่น ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็วเพื่อป้องกันอุบัติเหตุรถลื่นไถลหรือหยุดรถไม่ทัน ซึ่งระดับความเร็วที่ช่วยป้องกันรถลื่นไถลอยู่ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ขับรถชิดท้ายรถคันหน้ามากเกินไป และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ 10 – 15 เมตร พยายามขับรถให้อยู่ในช่องทาง ไม่หยุดรถหรือเปลี่ยนช่องทางในระยะกระชั้นชิด
3. การใช้สัญญาณไฟ หลีกเลี่ยงการเปิดไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉิน เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง และทำให้ไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวใช้ตามปกติ
4. ควรเปิดใช้ไฟส่องสว่างแบบต่ำ จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ไม่เปิดสัญญาณไฟสูง เพราะทำให้ผู้ที่ขับรถสวนทางมาสายตาพร่ามัว ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
5. รวมทั้งควรเปิดใช้ไฟตัดหมอกในช่วงเวลากลางคืนที่ฝนตกหนัก หรือสภาพถนนมีน้ำเฉอะแฉะ เพื่อลดการสะท้อนของไฟหน้ารถกับน้ำ บนพื้นผิวถนน จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น
6. การขับรถในช่วงที่ทัศนวิสัยไม่ดี ควรจอดพักรถในบริเวณที่ปลอดภัย อย่างจุดพักรถริมทาง สถานีบริการน้ำมัน รอจนฝนหยุดตก หรือเมื่อมองเห็นเส้นทางชัดเจน จึงค่อยขับรถไปต่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย