(10 ส.ค.) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เผยว่าหลังจากที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างพรบ. การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ (พรบ.พัฒนารัฐวิสาหกิจฯ) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไทย เพื่อให้รัฐวิสาหกิจไทยดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มคุณภาพการบริการสาธารณะและเพิ่มความโปร่งใสให้ภาครัฐ ยืนยันว่าร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ใช่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่เป็นการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้ดีขึ้น โดย พรบ.พัฒนารัฐวิสาหกิจจะครอบคลุมการปฏิรูปหลักใน 6 ด้าน ได้แก่
- จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นกรรมการใต้กฎหมาย
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจไปทิศทางเดียวกัน โดยร่างกฎหมายกำหนดให้มีซุบเปอร์บอร์ดตามกฎหมาย เพราะกำหนดให้มีภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วม แม้เปลี่ยนผ่านรัฐบาลยังมีกรรมการชุดดังกล่าวดำเนินการดุแลรัฐวิสาหกิจต่อไป เพื่อให้เกิดการประสานงานร่วมกัน เพราะหากอยู่ภายใต้กำกับดูแลจากหลายกระทรวง เมื่อคณะกรรมการจากทุกกระทรวงมานั่งหารือร่วมกันจะทำให้การกำหนดนโยบายทำได้พร้อมกัน เช่น แผนนำท่อก๊าซและสายไฟฟ้าลงใต้ดิน กฟน.อยู่ใต้กำกับดูแลของมหาดไทย กสท โทรคมนาคม อยู่ภายใต้กระทรวงดีอี ปตท. กระทรวงพลังงานกำกับดูแล หากอยู่คนละพรรคการเมือง คงเดินหน้าไปไม่ได้ตามแผน
- จัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจที่ชัดเจนเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ชาติ
หลังจากนี้ไปทุกรัฐวิสาหกิจต้องจัดทำยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์รัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ แม้จะอยู่ต่างพรรคการเมืองยังทำงานเชื่อมโยงกันได้เพื่อให้มีเข็มทิศการทำงานไปด้วยกัน
- นำระบบธรรมาภิบาลที่ดีมาใช้กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ
เพื่อมีระบบกำหนดทิศทางความโปร่งใส เช่น อดีตรัฐมนตรีบางกระทรวงสั่งการให้รัฐวิสาหกิจจัดซื้อสินค้าเกษตร หรือวัสดุ ฯลฯ ต่อมามีผลขาดทุน ขณะที่รัฐวิสาหกิจอ้างว่าเป็นผลสั่งการของรัฐมนตรี ขณะที่ข้อมูลระบุว่าเปิดเผยไม่ได้เป็นข้อมูลลับ ดังนั้นต่อไป จะต้องเปิดเผยข้อมูล แยกบัญชีนโยบายของรัฐ จากบัญชีดำเนินการปกติของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
- กระบวนการคัดเลือกกรรมการที่โปร่งใสให้ได้คนดีคนเก่งมาเป็นกรรมการ
หลังจาก ครม.กำหนดระบบการขึ้นบัญชีบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ต้องคัดเลือกจากคุณสมบัติ มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ไม่ใช่นักการเมืองส่งมากให้เป็นบอร์ด โดยมีกระบวนการสรรหาชัดเจน รวมทั้งตัวแทนบอร์ดรัฐวิสาหกิจจากกระทรวงการคลัง จะมีระบบติดตามผลดำเนินอย่างเข้มงวด นับเป็นระบบมาตรฐานสากล เช่น เดียวกับเทมาเสก ได้ใช้ระบบดังกล่าวเพื่อดูแลบริษัทหลายแห่งที่เทมาเสกเข้าลงทุนถือหุ้น จนสามารถควบคุมได้
- จัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ
เพื่อทำหน้าที่ผู้ถือหุ้นเชิงรุกให้รัฐวิสาหกิจทำหน้าที่ได้เต็มศักยภาพ โดยสถานะของบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ กระทรวงคลังยังถือหุ้นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หวังแยกกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ 13 แห่ง ที่มีสถานะเป็นบริษัท เช่น ปตท. ทอท. การบินไทย ไปรษณีย์ไทย กสท โทรคมนาคม เพื่อทำหน้าที่ดูแลทุกมิติทั้งด้านผู้ถือหุ้นและกำกับดูแล โดยมีระบบ KPI วัดผลชัดเจนทั้งบริการด้านสังคมและการหาผลตอนแทนในเชิงพาณิชย์ ขณะที่รัฐวิสาหกิจที่มีกฎหมายจัดตั้งอย่าง ธ.ออมสิน ธ.ก.ส. รฟท. รฟม. กระทรวงการคลังยังคงกำกับดูแลในฐานะผู้ถือหุ้นและให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องดูแลตามภารกิจ
- พัฒนาระบบประเมินผล
เพื่อให้สามารถวัดผลตามแผนและนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ทำให้รัฐวิสาหกิจทั้งระบบมีมาตรฐาน