เด็กจบใหม่เวียดนาม ตกงานเพียบ


บลูมเบิร์กรายงานว่า ผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาในเวียดนามกำลัง ประสบปัญหาตกงานกันมากขึ้น แม้ว่าเวียดนามจะมีอัตราว่างงานในภาพรวมเพียง 2.3% ก็ตาม เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่สามารถผลิตบุคลากรคุณภาพออกมา รองรับบริษัทเอกชนที่ต้องการทักษะและการคิดวิเคราะห์สูงขึ้นได้

รายงานได้อ้างตัวอย่างของ เหวียน วัน ดุ๊ก ซึ่งจบการศึกษาเศรษฐศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน และเป็นลูกคนเดียวจากทั้งหมด 3 คนที่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่กลับต้องเป็นหนึ่งในบัณฑิตหลายพันคนที่ตกงาน ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างในกรุงฮานอย โดยมีรายได้เฉลี่ย 250 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือนแทน (ราว 8,300 บาท)

ทั้งนี้ แม้โรงเรียนส่วนใหญ่ในเวียดนามจะสามารถสอนและอบรมทักษะการทำงานขั้นพื้นฐานให้นักเรียนเพื่อทำงานตามโรงงานได้ ทว่าสถานศึกษาระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยกลับยังไม่สามารถผลิตบุคลากรเพื่อทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

   สกอต โรแซล นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจไปอีกขั้นนั้น คือประเทศกำลังพัฒนาที่สามารถยกระดับการศึกษาของตนเองได้ แต่ประเทศที่ทำไม่ได้จะเสี่ยงต่อความล้มเหลวหรือติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง เช่น อาร์เจนตินา บราซิล และเม็กซิโก

รายงานระบุว่า นักศึกษาในระดับอุดมศึกษาของเวียดนามมักเสียเวลา 2 ปีแรกไปกับการเรียนประวัติศาสตร์ และแนวคิดสังคมนิยม มากกว่าจะ เป็นการพัฒนาทักษะและความคิดเชิงวิเคราะห์ในแบบที่นายจ้างต้องการ ทำให้บริษัทลังเลที่จะจ้างงานบัณฑิตทั่วไป ที่ไม่ใช่สาขาเฉพาะด้าน และทำให้อัตรา ว่างงานระดับอุดมศึกษาสูงถึง 17%

ปัจจุบันชาวเวียดนามนิยมส่งบุตรหลานไปเรียนในต่างประเทศ โดยในปี 2016 มีชาวเวียดนามไปเรียนในญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงโรงเรียนสอนภาษา เพิ่มขึ้น12 เท่าจาก 6 ปีก่อน อยู่ที่ 5.4 หมื่นคน