10 วิธีในการทำการตลาดผ่าน Facebook ให้เปรี้ยง!


  1. สร้าง Facebook page ที่ดี
    เป็นตัวเราบนโลกอินเทอร์เน็ตนิดนึงที่เพิ่มไปจากเว็บไซต์ ถือได้ว่าเป็นออนไลน์พรีเซนเป็นการแสดงธุรกิจให้ชัดเจน ผู้บริโภคสามารถเข้าใจในตัวของธุรกิจได้ง่ายภายในเวลาที่รวดเร็ว มีความน่าสนใจ น่าเชื่อถือ ทำให้ผู้บริโภคสามารถติดต่อเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การใส่เบอร์โทรศัพท์ หรือการใส่ไอดีไลน์นั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่ควรอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ใส่ About ให้เพียงพอ หลายคนมักละเลยจุดนี้ โดยใช้ภาพโคลเวอร์ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เวลาในการเปิดปิดร้าน ประวัติของร้าน หรือเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะเนื้อหาเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้บริโภคใช้ในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทของเรา

  2. โปรโมทร่วมกับเว็บไซต์
    โดยสร้างกลุ่มเป้าหมาย ที่เรียกว่า Fan ของ Page จาก website visitors จาก Facebook like box ให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้าไปในเว็บไซต์ สามารถกดไลค์ Page ได้เลย นอกจากนี้คือการแสดงทุกหน้าของ website Show Friends’ Faces เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถมองเห็น Page ว่ามีเครือข่ายคนใดของเขาได้กดไลค์ Page ของเราแล้วบ้าง ส่วนนี้สามารถเป็นแรงจูงใจในการกดไลค์ Page ได้มากขึ้น เรียกได้ว่าเป็น “หน้าม้ามาร์เก็ตติ้ง” และหากต้องการ Show Posts ต้องมีขนาดเหมาะสม และต้อง update posts ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและมีความทันสมัย หรือเข้ากับรูปแบบของธุรกิจ

  3. สร้างเนื้อหาที่ดี
    มีการ Post อย่างสม่ำเสมอ โดย Post สินค้าหรือบริการ และเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับ Page ในสัดส่วนที่เหมาะสม การ Post ให้น่าเชื่อถือจะสร้างแรงจูงใจให้ Fan มีปฏิสัมพันธ์ เช่นการกดไลค์ การแสดงความคิดเห็น เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับPost  ดังกล่าว หรือการ Share ส่วนใหญ่จะ Share ก็ต่อเมื่อ สิ่งนั้นทำให้ผู้ Share ดูดี หรือเนื้อหาอยู่ในความสนใจสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้คนเห็น Post ของคุณเพิ่มมากยิ่งขึ้น และ Post สิ่งที่ Fan อยากเห็นและอยากอ่าน การ Post จึงควรควรใช้รูปที่น่าสนใจ เข้าใจความหมายได้ง่าย น่าประทับใจ ใช้คำถามสั้น ๆ ชวนให้น่าตอบ สำหรับ Video ควรมีเนื้อหาสั้น ๆ จะสามารถสร้างความสนใจได้มาก และอีกสิ่งหนึ่งที่หาสนใจคือ Tips มีผู้คนมากมายที่ชอบอ่าน Tips  ด้วยเนื้อหาที่เข้าใจง่าย และสั้นกระชับได้ใจความ อีกสิ่งที่ลืมไม่ได้คือให้ความพิเศษ เช่น การ Post โปรโมชั่น เช่น การจัดกิจกรรมกับลูกค้า ฯลฯ เพื่อให้เกิดการมีส่วนรวม

  4. ดูแล Fan ที่ติดต่อมาอย่างดี
    ในส่วนนี้เป็นบทบาทสำคัญของ แอดมิน ผู้ดูแล Page ซึ่งต้องทำหน้าที่อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น operator Facebook หรือ call center เรียกได้ว่า เป็นการ Service minded ของแอดมิน โดย Facebook คือช่องทาง Customer Service แอดมินต้องตอบคำถาม หรือ Post สิ่งต่าง ๆ ด้วยภาษาที่ให้ความรู้สึกที่ดีต่อกลุ่มเป้าหมาย

  5. นำสู่การขาย
    หลังจากดูแลลูกค้า หรือสร้าง Content มาอย่างดีแล้ว ก็ต้องนำไปสู่การขาย การคลิกเพื่อไปซื้อบนเว็บไซต์ หรือการคลิกไปเพื่อติดต่อบนเว็บไซต์ ดังนั้นเว็บไซต์จึงต้องเปิดได้ง่ายบนโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากพฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้บริโภคมักใช้โทรศัพท์มือถือในการเล่น Facebook และการซื้อบน Post ซื้อบน inbox ในส่วนนี้ต้องสะดวกสำหรับผู้บริโภค แต่แอดมินต้องมีการเตรียมตัวรับเหตุการณ์ ไม่ว่าคำถามจะออกมาในรูปแบบใด

  6. ใช้ Facebook Ad ให้ถูกต้อง
    โดยผู้ประกอบการต้องตระหนักรู้ว่ากำลังโฆษณาไปที่กลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคล ไม่ใช่ที่เว็บไซต์ ดังนั้น แต่ละบุคคลจะถูกบันทึกพฤติกรรมต่าง ๆ และข้อมูลเอาไว้ จึงสามารถทำได้โดย การกำหนด Target ด้วย dimension ต่าง ๆ และจะทำให้โฆษณาของเราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน และเจาะจง

  7. ใช้ฐานลูกค้าเดิมเป็นหัวเชื้อ
    กล่าวคือ Facebook มีความสามารถให้การสืบค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมคล้ายกันเพิ่มขึ้นให้กับเราได้ จึงทำให้กลุ่มลูกค้าของเรามีขนาดที่กว้างมากขึ้น และมีความต้องการที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการในการขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

  8. Retargeting น่าสนใจเสมอ
    Fanpage Website visitors การตอกย้ำลูกค้าเพื่อให้เกิดการจดจำ หรือเห็น Post บ่อยครั้ง เป็นการทำให้ลูกค้าที่เคยกดไลค์ ได้พบ Post บ่อยมากยิ่งขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้มีแนวโน้มสูงที่จะซื้อสินค้า

  9. ทำโฆษณาให้ถูกกฏ
    โดย Facebook มีกฏในการทำโฆษณาให้แก่ Post ต่าง ๆ คือ ห้ามใช้รูป Before & After หากมีตัวอักษรในรูปภาพต้องมีปริมาณไม่เกิน 20% ของรูปภาพ และไม่มีคำพูดแสดงการรับประกัน เช่น “ลดน้ำหนัก 5 กิโลใน 7 วัน ที่สำคัญห้ามมีรูปล่อแหลมในทางเพศ และห้ามระบุว่าให้ “Share” ใน Post นั้น สำหรับเทคนิคการ Set up โฆษณา ขึ้นโฆษณาในตอนเช้า หรือ set up ล่วงหน้า ให้โฆษณาแสดงในวันต่อไป อย่าเปลี่ยนงบโฆษณาเมื่อเวลาโฆษณาเหลือน้อย เลือก device และ placement ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและสินค้า (newsfeed, side bar, mobile)

  10. Optimization  การปรับแต่งโฆษณา
    เป็นการค้นหาจุดที่ดีที่สุดในการโฆษณา และการ Post ต่าง ๆ ว่าวิธีการใดส่งผลให้เกิดยอดขายได้มากที่สุด ซึ่งจุดนี้จะเป็นแนวทางสคัญทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น