ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าในการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ ว่า การส่งออกที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจแต่ได้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เร่งผลักดันและเจาะตลาดรายเมืองในแต่ละประเทศ รวมทั้งให้ใช้การค้าแบบทวิภาคีในการเจรจาการค้า เช่นเดียวกับ จีน อินเดีย ไต้หวัน เพื่อให้การส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีขยายตัวต่อเนื่อง โดยเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 6 นั้น ให้ถือเป็นเป้าหมายขั้นต่ำในการทำงาน เพราะต้องการให้เร่งผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวให้ได้มากที่สุด พร้อมให้สำนักงานนโยบายและยุทธสาสตร์การค้า จัดทำดีชนีภาคบริการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อให้เห็นการเติบโตรายอุตสาหกรรม และเป็นตัวช่วยชี้วัดการส่งออก ทำให้สามารถวางแผนยุทธศาสตร์การส่งออกด้วย
ขณะเดียวกันได้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดทำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกที่เป็นเอสเอ็มอีใช้เป็นช่องทางทำการค้า เหมือนกับ LAZADA และ AMAZON เพื่อดึงให้ผู้ประกอบการมาใช้อีคอมเมิร์ชมากขึ้น และจะมีการเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ เพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพของประเทศไทยในการจะเป็นศูนย์กลางด้านอีคอมเมิร์ซของอาเซียน
นอกจากนี้จะได้สั่งการให้เร่งช่วยผู้มีรายได้น้อยตามโครงการ”ประชารัฐสวัสดิการ” โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดหารายการสินค้าและร้านโชห่วยในเครือข่าย เพื่อให้สิทธิผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนกว่า 11.67 ล้านคน ซื้อสินค้าจำเป็นในโครงการธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งราคาถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 15-20 ผ่านบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้พร้อมเริ่มดำเนินการกับการออกบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ที่จะเริ่มใช้ได้ในเดือนตุลาคมนี้
ขณะที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมแผนงานในด้านต่างๆที่จะเดินหน้าเจาะตลาดหลักและตลาดรองให้หนักขึ้น และยังเห็นว่าโอกาสส่งออกของไทยจะเติบโตได้ตามคาดการณ์ไว้ว่าในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้การส่งออกของไทยยังเติบโตได้ดีตามสถานการณ์ของโลก ดังนั้นโอกาสที่ตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 6.5-7 หรือมีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยรายเดือนเกินกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นไปได้สูง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าอยู่ระหว่างเตรียมการสำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการ โดยได้ประสานในการขนส่งและวางระบบกับโชห่วยในเครือข่ายของกระทรวงพาณิชย์ แต่สิทธิในการใช้ยังรอกระทรวงการคลังกำหนดวงเงิน และรายการสินค้าที่จะให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้ใช้ต่อเดือน