ขอนายกฯ ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 700 ได้ไหม


นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผยวานนี้ (8 ก.ย.) ว่าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดให้ในปัจจุบันนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเรื่องค่าครองชีพ ที่ผ่านมากระทรวงแรงงาน พยายามปรับตามกรอบความคิดเดิมคือปล่อยค่าจ้างลอยตัวในแต่ละจังหวัดให้ดำเนินการเอง และเพิ่มสูตรการคิดให้ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อระบบโครงสร้างค่าจ้าง และระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ตอกย้ำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมในสังคมมากขึ้น

ดังนั้นจึงขอยืนยันเจตนารมณ์เดิมคือให้รัฐปรับขึ้นค่าแรงให้สอดคล้องกับความเป็นจริงเท่ากันทั้งประเทศ โดยให้สามารถเลี้ยงตัวเอง และครอบครัวได้อย่างน้อย 2 คน และต้องควบคุมไม่ให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ไม่อย่างนั้นจะเป็นการขึ้นค่าแรงโดยไล่ตามราคาสินค้า
ส่วนเรื่องอัตราที่ควรปรับเพิ่มนั้นต้องเปิดเวทีให้มีการคุยกันอย่างเป็นทางการเพื่อหาข้อสรุป แต่ถ้าเป็นอัตราที่คสรท.เคยเสนอไปตั้งแต่ปี 2554 คือ 560 บาท ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอ เพราะอัตรานั้นคิดโดยไม่ได้รวมค่าบ้าน ค่าเดินทาง เพราะฉะนั้นถ้าเอาอัตรานี้ก็ต้องบวกเพิ่มภาวะเงินเฟ้ออีกปีละ 3% จะต้องเพิ่มเป็น 600-700 บาทต่อวัน

ขณะนี้คณะกรรมการ สมานฉันท์ฯ ได้มีการกระจายแบบสอบถามอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมออกไปสำรวจความคิดเห็นลูกจ้างทั่วประเทศเพื่อตอบโจทย์ข้อสงสัยถึงการได้รับค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ที่รวม ไปถึง ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งต้องยอมรับว่า อัตราค่าจ้างเพียง 300-360 บาท ไม่เพียงพอ ดังที่จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดในรายการศาสตร์พระราชา ถึงเรื่องอัตราค่าจ้างว่า คนเราไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้หากมีอัตราค่าจ้าง ต่อปีเฉลี่ย 1 แสนบาท หากจะให้อยู่ได้ต้องมีอัตราค่าจ้างต่อปีอยู่ที่ 3 แสนบาท
“ผลสำรวจความคิดเห็นเหล่านี้ เริ่มทำตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาและทยอยส่งกลับมาแล้ว 20 จังหวัด จาก 77 จังหวัด ซึ่งคาดว่าจะส่งครบทุกจังหวัดและสามารถเปิดเผยผลสำรวจต่อสื่อมวลชนได้ในปลายเดือนตุลาคม” นายสาวิทย์ กล่าว

“อยากให้ค่าแรงเหมาะสมกับค่าครองชีพด้วย เพราะที่เป็นอยู่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ทำให้แรงงานต้องทำงานหนักขึ้น ต้องทำโอที ทำงานวันหยุด สุขภาพทรุด ต้องไปโรงพยาบาล”