นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 จะทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีตามอัตราใหม่ ปรับเพิ่มขึ้น 2% หรือประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมกันนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการจะไม่มีการปรับเพิ่มราคาขายปลีกขึ้นจนกลายเป็นภาระกับประชาชน เนื่องจากอัตราภาษีใหม่จะทำให้การแข่งขันของผู้ประกอบการเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น กลุ่มรถยนต์ ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีบางค่ายรถยนต์ได้ประกาศปรับลดราคาขายลงในบางรุ่น โดยภาพรวมแล้วกลุ่มรถยนต์มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2%
สำหรับกลุ่มเครื่องดื่มนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สนับสนุนและเห็นด้วยกับอัตราภาษีใหม่ เพราะมีการเก็บภาษีตามปริมาณความหวาน ซึ่งถือเป็นเรื่องดีกับสุขภาพของผู้บริโภค โดยสินค้าในกลุ่มนี้พบว่ามีแนวโน้มภาษีปรับเพิ่มขึ้นตามปริมาณความหวานที่เป็นส่วนประกอบ
ภาษีจากค่าความหวานเดิมได้รับการยกเว้น 111 รายการ แต่ตามกฎหมายใหม่จะมีการถอดออกมา 2รายการ ได้แก่ ชา ชาเขียว และกาแฟ ที่ต้องเสียภาษีตามค่าความหวานทั้งในส่วนของมูลค่าและปริมาณ ส่วนเครื่องดื่มประเภทอื่นไม่ได้ถอดออกมาจากสินค้าที่ได้รับการยกเว้น แต่หากค่าความหวานเกินกว่าที่กฎหมายใหม่กำหนดก็จะต้องเสียภาษี 1 ขา คือ ขาปริมาณ โดยในส่วนนี้จะมีเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัว 6 ปี แบ่งเป็นรอบละ 2 ปี ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่ได้ลดค่าความหวานในเครื่องดื่มลง อัตราภาษีที่จะต้องเสียก็จะปรับเพิ่มทุก 2 ปี
นายสมชายกล่าวอีกว่า ในส่วนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะมีการคิดอัตราภาษีใหม่ทั้งในด้านมูลค่าที่ 45% จากเดิม 80% และด้านปริมาณแอลกอฮอล์ 55% จากเดิม 20% และในอนาคตคาดว่าจะมีการปรับสัดส่วนการคำนวณนี้ในด้านปริมาณแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล ขณะที่การจัดเก็บภาษีบุหรี่ก็จะคิดตามมูลค่าและปริมาณเช่นเดียวกัน โดยในขาของปริมาณตามกฎหมายสรรพสามิตใหม่นั้น จะจัดเก็บอยู่ที่ 1.20 บาทต่อมวล ทำให้หลังจากนี้ ทั้งบุหรี่ราคาถูกและราคาแพงจะมีภาระภาษีในส่วนของปริมาณอยู่ที่ 24 บาทต่อซอง ส่วนขามูลค่าสำหรับภาษีที่ราคาต่ำกว่า 60 บาท จะอยู่ที่ 20% และบุหรี่ที่ราคาสูงกว่า 60 บาท จะอยู่ที่ 40% โดยหลังจาก 2 ปีแรก จะมีการปรับภาษีในส่วนมูลค่าขึ้นเป็นอัตราเดียวกันทั้งหมดที่ 40% การแข่งขันจะสูงขึ้น
เรามองว่าเมื่อภาษีใหม่ออกมา การแข่งขันในตลาดก็จะสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการจะมีการลดปริมาณแอลกอฮอล์ (ดีกรี) ลง เพื่อให้เสียภาษีถูกลง แต่ยังยืนยันว่าอัตราภาษีใหม่จะไม่ได้ไปเพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการจนเกินไป เพราะตามหลักการของกฎหมายฉบับนี้คือ ทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นสากลมากขึ้น