เทคนิคเพิ่มยอดขายและกำไร ให้ธุรกิจคุณโตขึ้นแบบก้าวกระโดด


เมื่อไหร่ก็ตามที่คนสนใจสินค้าหรือบริการของเราก็สามารถเปิดและปิดการขายได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ในปัจจุบันแน่นอนว่าการนำเสนอสินค้าและบริการในยุคนี้จำเป็นจะต้อง “สร้างสิ่งกระตุ้นให้ผู้คนสนใจ” ดังนั้นการเพิ่มยอดขายและเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ นั้นก็มีหลากหลายวิธีด้วยกัน วันนี้เรามี 15 เทคนิคเพิ่มยอดขายและกำไร แบบก้าวกระโดดมาฝากเพื่อนๆกันไปดูวิธีกันเลย

วิธีที่ 1 เพิ่มราคา : แม้ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องอาจจะสวนทางกับกำลังซื้อที่ลดลง แต่หากทำได้ถูกต้องก็สามารถเพิ่มกำไรได้แม้ว่ายอดขายอาจจะตกลง วิธีการคือค่อยๆขึ้นราคาทีละน้อยแบบไม่ให้ลูกค้ารู้สึกตัว หรือปรับผลิตภัณฑ์ให้ดูดีขึ้น พยายามเน้นให้ลูกค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพ คุณค่าของผลิตภัณฑ์มากกว่าราคา หรือขึ้นราคาแล้วเพิ่มบริการพิเศษบางอย่างเข้าไปในราคาผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมสำรวจราคาของคู่แข่งด้วย ในบางกรณีที่ขึ้นราคาไม่ได้จริงๆ อาจจะคงราคาแต่ปรับขนาดของผลิตภัณฑ์ให้เล็กลง หรือปรับส่วนประกอบบางอย่าง

วิธีที่ 2 พยายามขายเพิ่มเติม : เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าอย่างหนึ่งแล้วพยายามขายสินค้าที่ใช้ร่วมกัน เช่น ลูกค้าซื้อรองเท้า ให้พยายามเสนอขาย ถุงเท้า หรือยาขัดรองเท้า เป็นต้น เทคนิคที่สำคัญคือ พยายามให้ลูกค้าเห็นว่าประหยัดกว่าหรือได้ประโยชน์กว่า ในการซื้อสินค้าสองอย่างพร้อมกัน

วิธีที่ 3 สอบถามลูกค้าในกรณีลูกค้าคิดไม่ออก : พนักขายต้องทำตัวเป้นที่ปรึกษาสอบถามความต้องการของลูกค้า และเสนอขายสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านรูปแบบและราคา พนักงานขายต้องทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี รู้จักตั้งคำถามเพื่อให้ลูกค้าออกความเห็น บอกความต้องการ เพื่อสร้างโอกาสในการขาย

วิธีที่ 4 ทำรายการ Checklist : พนักงานขายควรทำ Checklist สินค้าที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน เช่น หากลูกค้าซื้อสีทาบ้าน แล้วควรเสนอขายแปรงทาสี ทินเนอร์ ฯลฯ เพื่อช่วยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายเพิ่ม

วิธีที่ 5 ให้ความช่วยเหลือเรื่องการผ่อนชำระ : ปัจจุบันมีบริษัทมากรายให้บริการเรื่องบัตรเครดิตหรือบัตรการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ท่านต้องติดต่อบริษัทเหล่านี้เอาไว้เพื่อช่วยในการปิดการขายในกรณีที่ลูกค้าต้องการซื้อจริงๆแต่ไม่สามารถชำระเงินก้อนได้ทั้งหมดในคราวเดียว ทั้งต้องประเมินยอดการผ่อนชำระให้เหมาะสมด้วย

วิธีที่ 6 จำหน่ายสินค้าที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้ : กรณีนี้สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าลูกค้าไม่ซื้อที่ร้านของท่านก็หาซื้อที่ร้านอื่นๆลำบาก ถ้าใช้เทคนิคนี้ต้องไม่ง้อลูกค้าด้วยการลดราคาเป็นอันขาด เพราะเหตุผลที่ลูกค้ามาซื้อร้านเราเพราะหาซื้อที่อื่นไม่ได้ ที่สำคัญก่อนใช้เทคนิคนี้ต้องเลือกลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนและสำรวจตลาดสำรวจคู่แข่งให้ดีเสียก่อน

วิธีที่ 7 การจัดเรียงสินค้า : สินค้าต้องจัดเรียงอย่างเด่นชัด มีป้ายราคาหรือวัตถุส่งเสริมการขายชัดเจน สินค้าที่ขายดี ต้องวางในระดับสายตาที่หยิบได้สะดวก ควรมีสินค้าโปรโมชั่นเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้าน

วิธีที่ 8 Impulse Buys : เทคนิคนี้คือการจัดเรียงสินค้าที่ซื้อง่าย ราคาไม่แพง ตัดสินใจซื้อง่ายไว้ใกล้ๆ จุดชำระสินค้า เช่น ขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง ฯลฯ โดยทั่วไปในระหว่างที่ลูกค้ารอชำระเงินมักมองไปรอบๆซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าเหล่านี้หรือการจัดเรียงสินค้าที่ต้องใช้ด้วยกันไว้ใกล้กันก็เพิ่มโอกาสในการขายได้ เช่น กระบอกไฟฉาย และ ถ่านไฟฉาย

วิธีที่ 9 เสนอขายสินค้าเป็นชุดหรือขายจำนวนมาก : เช่น การขายเป็นแพ็กๆในราคาพิเศษ ที่สำคัญคือต้องให้ลูกค้าเห้นว่าถูกกว่าเมื่อซื้อจำนวนมากขึ้น และควรใช้กับสินค้าที่ต้องใช้ประจำ เช่น ผงซักฟอก น้ำอัดลม สบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ

วิธีที่ 10 ใช้ CRM ในการเพิ่มยอดขาย : การจดจำความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ทักทายลูกค้าด้วยชื่อและตำแหน่งที่ถูกต้อง จัดเตรียมที่ลูกค้าซื้อประจำให้พร้อม ความประทับที่เกิดกับลูกค้าจะทำให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นและซื้อบ่อยๆขึ้น จนเกิดเป็นลูกค้าขาประจำในที่สุด

วิธีที่ 11 ฝึกอบรมพนักงานขายให้เข้าใจงานขายและลูกค้าตัวอย่างแท้จริง : มีความเป็นมืออาชีพในสินค้าที่ขาย รู้จริงเรื่องของสินค้าที่เสนอขาย มีความอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขาย

วิธีที่ 12.ให้บริการพิเศษหรือรางวัลพิเศษเมื่อลูกค้าซ้อถึงเป้าที่กำหนด : เช่น ให้บริการส่งถึงบ้าน หรือแถมของแถม หรือสินค้าเพิ่มเติม ฯลฯ ที่สำคัญต้องแสดงออกในลักษณะที่ทำให้ด้วยความเต็มใจและขอบคุณลูกค้าอย่างยิ่งที่ช่วยซื้อเพิ่ม ควรพูดให้ลักษณะสนอแนะ เช่น หากลูกค้าช่วยซื้อเพิ่มอีกเท่านั้นเท่านี้ ก็จะสัมมนาคุณด้วยสินค้าพิเศษหรือบริการพิเศษ เป็นต้น

วิธีที่ 13 ตั้งเป้ายอดขายให้พนักงานแต่ละคน : โดยมีรางวัลพิเศษเป็นตัวกระตุ้น แต่ไม่ควรตั้งเป้าสูงจนเกินความสามารถพนักงานหรือความเป็นจริง และควรตั้งเป้าสำหรับทีมขายด้วย เพราะหากพนักงานขายไม่สามารถทำได้ตามเป้าในการขายรายบุคคล ยังสามารถช่วยทีมให้ถึงเป้าและได้รับส่วนแบ่งได้บ้าง

14.รายการส่งเสริมการขายต่างๆ : เช่น การแจกของแถมตามจำนวนซื้อที่กำหนด การให้ส่วนลด ซื้อ1 แถม 1 หรือซื้อ 2 แถม 1 หรือซื้อสินค้าแรกราคาเต็มแล้วสินค้าชิ้นต่อไปในราคาพิเศษ หรือซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งแล้วให้คูปองจับฉลากส่วนลดในการซื้อสินค้าอื่นๆ ต่อไป ที่สำคัญต้องคำนึงถึงผลลัพธ์รายการส่งเสริมการขายนั้นๆ ว่าคุ้มทุน ได้ยอดขาย ได้กำไร ตามที่ต้องการหรือเปล่า

15.การส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ : เช่น ถ้าทำธุรกิจอู่รถยนต์อาจจะทำการส่งเสริมการขายร่วมกับกิจการล้างรถยนต์ เป็นต้น

[บทความทั้งหมด] | [คลิปรายการทั้งหมด]