สโลว์ไลฟ์ไปกับอาหารเลิศรสสดจากฟาร์ม ท่ามกลางไลฟ์สไตล์สุดคึกคักแห่งเมืองกรุงกับร้าน Cocotte Farm Roast & Winery


สโลว์ไลฟ์ไปกับอาหารเลิศรสสดจากฟาร์ม ท่ามกลางไลฟ์สไตล์สุดคึกคักแห่งเมืองกรุง

ด้วยชีวิตที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของชาวกรุง ทำให้หลายๆคนมองหาไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการออกกำลังกาย หรือการคัดสรรค์เมนูอาหารที่มีประโยชน์ วันนี้ Cocotte Farm Roast & Winery  ร้านอาหารสไตล์บิสโทร เน้นจุดเด่นในรื่องการคัดสรรวัตถุดิบที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ สดจากฟาร์มออร์แกนิคผ่านการรับรองพร้อมเสริฟ์ความอร่อยด้วยเนื้อวัวคุณภาพสุดพรีเมี่ยม  เคล้าด้วยผักสดจากโครงการหลวง รายล้อมด้วยบรรยากาสการตกแต่งร้านแนวร่วมสมัย ที่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่เข้าถึงได้ด้วยรอยยิ้มและความเป็นกันเองของผู้ให้บริการ

ด้วยทำเลที่ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองบริเวณ สถานนีรถไฟฟ้าพร้อมพงศ์ ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการเดินทาง พร้อมเป็นจุดนัดพบแห่งใหม่ที่ดึงดูด ด้วยสูตรสำเร็จแห่งไลฟ์สไตล์ ด้วยดีไซน์การตกแต่งร้านที่เน้นการใช้สอยพื้นที่เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ หรือการจำลองบูทในตลาดฝรั่งเศส ที่จัดวางด้วยชีท เนื้อแปรรูป หรือเนยแข็งนานาชนิด สะท้อนการใช้ชิวิต     โมเดิรน์แบบคนเมือง รายล้อมด้วยวัสดุตกแต่งสุดปราณีตที่มาจากช่างฝีมือท้องถิ่น พร้อมด้วยครัวในรูปแบบเปิดโล่ง พร้อมให้ผู้มาทานได้รับชมขั้นตอนการทำอาหาร และมีส่วนร่วมไปพร้อมๆกัน

หลังเคาเตอร์ครัวเปิดสุดเก๋ จะเห็นเชฟฝีมือเยี่ยมอย่าง เจอริโก้ แวน เดอร์ วูฟ ที่การันตีด้วยประสบการณ์การทำงานจากร้านอาหารระดับเชฟมิชลินสตาร์ที่ในประเทศฝรั่งเศส และเมื่อเร็วๆนี้ เจอริโก้ยังได้มีโอกาสปรากฏตัวเพื่อแสดงฝีมือในรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย ที่ผ่านมานี ซึ่งอาหารจากซิกเนเจอร์ภายใต้การรังสรรค์ของเชฟคนเก่งได้แก่ “Tomahawk Australian Wagyu“, “Porchetta Cocotte Style” มาพร้อมกับเบคอนที่ย่างด้วยไฟอ่อน เสริฟ์พร้อมกับมะเขือเทศตากแห้ง เคล้ากับถั่วคั่วด้วยเครื่องเทศ ต่อด้วย “Truffle Cocotte Camembert” เนยแข็งกามองแบร์จากฝรั่งเศส ปรุงด้วยเห็ดทรัฟเฟิล เสริฟ์พร้อมผักนานาชนิดจากโครงการหลวง ตบท้ายด้วยเมนูไฮไลท์อย่าง  “Beetroot and Crab” ด้วยการปรุงผักหัวบีทอย่างปราณีตกับปูสดๆ เสริฟ์พร้อมกับผลลูกมะเดื่อ ราดด้วยครีม mascarpone เนื้อแน่นจากอิตาลี อันเป็นบทสรุปของรสชาติสมบูรณ์แบบ สุดปราณีตไม่เหมือนใคร

ยังมีเมนูอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นไก่อย่างอบกรอบ หรือ “Cocotte Burger” ที่แน่นด้วยเนื้อวากิว สอดแทรกด้วยชีส Emmental พร้อมกับเบคอนรมควันอบกรอบ ตกแต่งด้วยหัวหอมและมะเขือเทส เคียงด้วยมันฝรั่งทอส ตัดด้วยมือ ที่สร้างสรรค์กันบนเคาเตอร์ครัวเปิด สร้างความเพลิดเพลินในการรับชมขั้นตอนการปรุง พร้อมคอบทุกข้อสงสัยของฟู๊ดเลิฟเวอร์ “ด้วยการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแบบคนเมือง นี้เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่เราใส่ใจในทุกขั้นตอนของการคัดสรรควัตถุดิบเพื่อคุณภาพอาหารชั้นเลิศ” กล่าวโดย แมคซอง เลอบาทซ์ หุ้นส่วนผู้จัดการ ประจำร้านอาหาร Cocotte

ในส่วนของกรรมวิธีการปรุงแต่งรสชาติของอาหาร Cocotte Farm Roast & Winery  มีความโดดเด่นในเรื่องของการแต่งสี กลิ่น และ รูปแบบในการนำเสนอผ่านแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอนเซ็ปร้านมาจากหลากหลายความคิด แต่หนึ่งหลักการสำคัญของหัวใจร้านอาหาร Cocotte Farm Roast & Winery  มาจากกระแส Slow Food movement ปรัชญาการใช้ชีวิตที่อิงจากธรรมชาติ อันมีที่มาจากประเทศอิตาลี แพร่หลายสู่นานาประเทศ กับหัวใจสำคัญของวิธีการใช้ชีวิตที่ใส่ใจวัฒนธรรมท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อม ลด ละ เลิกอาหารประเภทฟาสฟู้ดที่ปรุงแต่งด้วยการแปรรูป แต่เลือกที่จะบริโภคอาหารประจำชาติ อาหารท้องถิ่น หรืออาหารที่มาจากธรรมชาติเพื่อพัฒนา ระบบนิเวศท้องถิ่นที่ยั่งยืน รวมไปถึงการช่วยสนับสนุนร้านค้าและผู้ผลิตท้องถิ่นอีกด้วย

ทีมงาน Cocotte ใช้เวลาตกผลึกทางความคิด พร้อมปรับใช้ให้เข้ากับรูปแบบธุรกิจ จนมาถึงขั้นตอนการสรรหาวัตถุดิบที่ต้องอาศัยการเดินทางทั่วประเทศไทย เพื่อค้นหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ ร่วมไปถึงวัตถุดิบประเภท เนื้อ อาหารทะเล ไวน์ที่หลากหลายจากคู่ค้าที่น่าเชื่อถือจากต่างประเทศ “มากกว่าความภูมิใจที่ผม และ ทีมงาน Cocotte ได้มีส่วนรวมในการสนับสนุนเกษตรกรชาวไทย เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางในการโชว์ผลผลิตทางเกษตรกรรมคุณภาพเยี่ยมให้เป็นที่รู้จัก และยอมรับ” กล่าวโดย  แมคซอง เลอบาทซ์พร้อมกับกล่าวเสริม “เราภูมิใจที่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับเกษตรกรชาวไทย ที่เปี่ยมด้วยความรู้ หลากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ”

“Slow Food ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิดเชิงไลฟ์สไตล์ ที่นำมาแสดงและเรียกเม็ดเงินจากคนดู หรือลูกค้า แต่มันเป็นมากกว่าปรัชญาทางด้านความคิดที่เรามีความเชื่อ และเรายังได้ลงมือปฎิบัติ ที่ใช้เวลาเฟ้นหาวัตถุดิบที่ใช้ในร้านอาหารแห่งนี้มากกว่า 1 ปี จึงไม่เป็นที่ต้องสงสัยถึงความเข้าใจของคำว่า Slow Food ที่เราได้ดื่มด่ำและใช้เวลาอยู่กับแนวคิดนี้ จนเชี่ยวชาญและเข้าถึงแก่นของปรัญชาอย่างแท้จริง”

ร้านอาหาร Cocotte Farm Roast & Winery  ตั้งอยู่บริเวณชั้น G บนตึก 39 Boulevard บนถนนสุขุมวิท ซอย 39 เปิดบริการทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 0.00 น.  และ ยังมีบริการ Sunday Brunch ทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 14.00 น. บริหารงานโดย The Kitchen Group Thailand ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการบริการประเภทร้านอาหารและธุรกิจโรงแรมหลากหลายสาขาทั่วประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 092-664-6777 หรือ Facebook: Cocottebkk

เซฟเจอริโก้ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “หัวใจสำคัญของร้าน Cocotte Farm Roast & Winery  คือการช่วยสนับสนุน และโปรโมทผลงานอันยอดเยี่ยมของเกษตรกรไทย ที่ใช้เวลาเพาะปลูกผลผลิตที่เต็มไปด้วยคุณภาพสู่ครัวของเรา พันธกิจของเราคงหนีไม่พ้นการยกระดับในการใช้ชีวิตของคนเมืองด้วยการคัดสรรควัตถุดิบผ่านกรรมวิธีที่มีมาตราฐานและคุณภาพ ที่ปรุงแต่งด้วยความตั้งใจ บวกกับความสร้างสรรค์เพื่อมื้ออาหารที่ดีที่สุดของลูกค้าทุกท่าน”

สอบถามข้อมูลประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมที่

ไพลิน ตั้งสินพูลชัย (หมี)

Co-Founder, Director of Public Relations-YSIS

โทร 081-750-4630

อีเมล์mee@ysisasia.com