เวียงสา เมืองน่าน จุดสิ้นสุดความกังวล และเริ่มมองหาได้ทุกมุมความสงบ


หลายครั้งที่เราอยากทิ้งความวุ่นวายไว้ข้างหลัง แล้วออกเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ หรือสูดดมความสงบมาเติมเต็มชีวิตให้มีพลังก้าวต่อ และแน่นอนว่าพลังความสงบที่เราทุกคนเรียกหานี้ ต่างคนคงให้นิยามที่ต่างกันออกไป นี่จึงทำให้เป้าหมายปลายทางของมนุษย์เราอยู่คนละทิศ จนสุดท้าย…ก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง

แต่ถ้าปลายทางที่คุณเรียกหานั้น คือความร่มรื่นของธรรมชาติ เรียนรู้มิตรภาพอย่างสร้างสรรค์ พร้อมค้นหาแก่นแท้ในสัจธรรมของชีวิต ขอบอกเลยว่าเวียงสา จังหวัดน่าน…คือสถานที่สุดพิเศษ ที่สามารถตอบคำถามของความต้องการนั้นได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

ที่ว่าการอำเภอเวียงสา ซึ่งถือเป็นรอยพระบาทแรกเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่๙ และพระราชินีเสด็จเยือนจังหวัดน่านครั้งแรก ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๑

เวียงสา…เป็นเมืองเนิบๆ ที่ไร้ความพลุกพล่านแบบคนเมืองใหญ่ต้องการ แต่เต็มไปด้วยธรรมชาติแสนงดงามมากมายให้ไปสัมผัส ทั้งป่าเขาที่เปื้อนหมอกหรือสายน้ำใสที่ไหลผ่านใบหญ้าข้างธารอย่างช้าๆ พร้อมพาใจเราเปิดรับกลิ่นอายความสงบ นอกจากนั้นทุกมุมเมืองในเวียงสา ยังสอดแทรกหลักปรัชญาแห่งชีวิตแห่งการพ้นทุกข์ ให้ทุกคนมาเรียนรู้ได้แบบไม่มีวันจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานหรือวัตถุทรงคุณค่าต่างๆที่บรรพบุรุษชาวน่านได้สร้างไว้ ซึ่งล้วนแต่ผูกโยงไว้ซึ่งหลักคิดเพื่อการดำรงชีวิตอย่างเข้าในสัจธรรม บนวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยมิตรไมตรี สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เวียงสา…เป็นเมืองอันมีเอกลักษณ์ ที่สามารถตอบโจทย์อิสรภาพแห่งการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ และเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ…ไว้ให้ใครต่อใครมาคอยเติมพลัง

สำหรับการไปเที่ยวเวียงสาครั้งนี้ ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบ Unseen Creative Tourism ที่สนับสนุนทริปโดย ททท. หากใครมีโอกาสไปถึงน่านแล้ว อาจวางแผนเส้นทางท่องเที่ยวให้เวียงสา เป็นจุดสตาร์ทหรือจุดปิดทริปก็ได้ เพราะคุณจะได้สัมผัสความเป็นน่านอย่างแท้จริง

เริ่มต้นยามเช้าที่ตลาดในเมืองน่าน แวะหาของกินเติมพลัง

บรรดาแม่ค้าต่างเอาวัตถุดิบพื้นเมืองที่หาได้มาแบกะดินขาย

สินค้าหลายๆอย่างก็เป็นของแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างฟักข้าวสีส้มๆด้านหน้านี้

เมื่อมาถึงอำเภอเวียงสา เราก็เริ่มปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตสองข้างทาง

ถึงแล้วใจกลางเมืองเวียงสา

แวะใหว้พระที่วัดบุญยืน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับที่ว่าการอำเภอเวียงสา

อุโบสถ วัดบุญยืน สวยงามมากๆ

จากนั้นก็เข้ามาฟังประวัติความเป็นมาของอำเภอเวียงสาต่อที่นี่

ต่อด้วยโรงเรียนไคหนำ โรงเรียนจีนแห่งแรกในจังหวัดน่าน ที่กำลังจะปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์

เที่ยงแล้ว ขอแวะกินก๋วยเตี๋ยวและข้าวซอยก่อน

ปั่นต่อ ยังไหวค่ะ

รอเพื่อนถ่ายรูปให้จุใจ

เป็นไงคะ ชิลลมั้ยล่ะ

ไปต่อที่ร้านวราภรณ์ โดยพี่สมพิศ เจ้าของร้านเล่าให้เราที่มาของลายผ้าและวิธีการทำให้เราฟัง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการทอเพื่อใส่เองในหมู่บ้าน ต่อมามีลูกค้าชอบก็ได้ขยายจนเกิดเป็นการสร้างงานในหมู่บ้าน จากรุ่นต่อรุ่นก็ได้สอนกันทอลวดลายต่างๆเรื่อยมา อย่างลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือ ซิ่นปล้องกับซิ่นม่าน

คุณยายกำลังโชว์การทำเส้นด้าย

รุ่นเหลนก็มาค่ะ

ทรานซิสเตอร์ก็มีนะ คุณยายขอจัดเต็ม

ปั่นต่อๆ กลับมาหน้าอำเภอเวียงสาเจอเด็กๆรอซื้อเครป ซึ่งเครปร้านนี้ตอนดึกๆคนรอคิวยาวมาก

สภาพรถเก่าโบราณที่ยังไหว ใช้งานได้ แต่คนที่ปั่นตามมาล่ะ…ก็น่าจะไหวนะ 555

ต่อกันที่วัดดอนไชยคะ วัดนี้มีสิงห์คู่ เขาว่ากันว่าใครไม่มีลูกมาขอลูกก็จะได้กลับไป

ปิดทริปด้วยการล่องเรือชมแม่น้ำน่าน

ข้างทางคนในชุมชนก็ยังคงออกมาหาปลากันอยู่ แต่ไม่มากแล้ว เพราะส่วนใหญ่เข้าไปทำงานในกรุงเทพ

บังเอิญเจอทีมแข่งเรือมาซ้อม พี่เขาเล่าให้ฟังว่าเป็นหนุ่มๆจากโรงเรียนเทคนิคน่าน

สูดกลิ่นอายความเป็นน่านให้เต็มปอด

เย็นทั้งอากาศ เย็นทั้งใจเลย

ดูพระอาทิตย์ตกดินแบบฟินๆเนิบๆ

เที่ยวน่านอุ่นใจ ใครอยากสุขใจก็มาได้