อาชีพใดหรือธุรกิจใด กฎหมายไทยไม่รองรับ (ถ้าจับจริงโดนเพียบ)


ธุรกิจประเภทค้าขายบางอย่าง ธุรกิจประเภทให้บริการบางอย่าง ธุรกิจประเภทที่เข้าข่ายเป็นการพนันขันต่อ ธุรกิจประเภทแฟรนไชส์ซึ่งยังไม่มีกฎหมายรองรับเฉพาะ ซึ่งต้องใช้ พรบ.การแข่งขันทางการค้าแทน (แต่ปัจจุบันได้มีร่างพรบ.แฟรนไชส์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณา) เป็นต้น

ยกตัวอย่างอาชีพหรือธุรกิจที่ต่างประเทศรองรับ แต่ กฎหมายไทยไม่รองรับ

ขายบารากู่ (ประเทศแถบอาหรับ) ขายบุหรี่ไฟฟ้า บริการรถอูเบอร์ (หลายประเทศรองรับ) อย่างบริการคาเฟ่แมว (ญี่ปุ่นรองรับ) ซึ่งเราใช้ พรบ.สาธารณสุขควบคุมแทนอยู่ในเรื่องสถานที่จำหน่ายอาหาร บริการดูแลคนชรา(ญี่ปุ่น) แต่เราใช้พรบ.สถานพยาบาลควบคุมแทนอยู่) แฟรนไชส์ต่างๆ เราใช้ พรบ.การแข่งขันทางการค้าแทน

ซึ่งปัจจุบันแต่ละธุรกิจ มีเงินหมุนเวียนเป็นมูลค่าสูงมาก หากภาครัฐใช้อำนาจของกฎหมายใกล้เคียงเข้ามากำหนด เช่น  บารากู่  ภาครัฐอาศัยอำนาจตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522  มาตรา 36 ที่เป็นอำนาจในการคุ้มครองผู้บริโภคประการอื่น (นอกจากฉลาก โฆษณา สัญญา) ที่เห็นว่าสินค้าใดอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หากสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจพิสูจน์หรือหากล่าช้าก็สามารถพิสูจน์โดยภาครัฐเองได้ โดยให้เจ้าของธุรกิจเสียค่าใช้จ่าย  และหากผลเป็นอันตราย  ก็สามารถสั่งห้ามขายได้ทันที ฝ่าฝืนจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 5  ปี  ปรับไม่เกิน 5  แสนบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  นอกจากนี้ยังผิด พรบ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ 2535  ซึ่งครอบครองหรือจำหน่ายมีโทษปรับครั้งละ 1  แสนบาท

หาก “ผู้ประกอบการ” ทำธุรกิจที่ยังไม่มีกฎหมายไทยรับรอง จะเกิดผลเสียอย่างไร

เมื่อไม่มีกฎหมายรองรับ  การทำธุรกิจก็จะต้องพิจารณาอย่างเข้มงวดในแต่ละเรื่องที่จะบริหารจัดการ  เพราะเมื่อไม่มีกติกากำหนดที่ชัดเจน หากเกิดปัญหาระหว่างลูกค้าขึ้นมา เจ้าของธุรกิจก็อาจต้องเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดได้   ซึ่งอย่างแรกต้องถือว่าธุรกิจดังกล่าวไม่มีการอนุญาตหรือถูกควบคุมโดยตรงจากภาครัฐมาก่อน  และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นสำคัญก่อน ว่าเป็นการหลอกลวงหรือเอาเปรียบหรืออันตรายหรือไม่ และเมื่อมีข้อร้องเรียนหรือข่าวเกิดขึ้น ภาครัฐย่อมต้องเข้ามาป้องกันควบคุมธุรกิจนั้น  ซึ่งบางครั้งการจะร่างกฎหมายขึ้นมาโดยเฉพาะในเรื่องนั้นๆก็อาจเป็นการล่าช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ อีกทั้งธุรกิจใหม่ๆในทุกวันนี้ก็มีจำนวนมาก การจะร่างกฎหมายจึงไม่ครอบคลุมทันทีได้  แต่ที่เห็นส่วนใหญ่ภาครัฐก็จะแก้ปัญหาด้วยการใช้กฎหมายที่ใกล้เคียงมาควบคุมเพื่อป้องกันปัญหาก่อน ซึ่ง ณ เวลานั้นจะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจเกิดปัญหา โดยอาจจะต้องหยุดชะงัก เพราะอาจต้องถูกคำสั่งห้ามหรือต้องไปขออนุญาตตามที่กำหนดของภาครัฐก่อน มิเช่นนั้น จะเป็นการฝ่าฝืนและผิดกฎหมายได้  เช่น  คาเฟ่แมว  ที่ภาครัฐได้กำหนดว่าเป็นสถานที่ขายอาหารซึ่งต้องขออนุญาตให้ถูกต้องก่อน เพื่อจะได้พิจารณาว่าสถานที่สะอาดและถูกสุขลักษณะหรือไม่ หรือธุรกิจดูแลคนชรา ที่ต้องไปใช้ พรบ.สถานพยาบาลและ พรบ.สาธารณสุข มาบังคับใช้แทนก่อน ซึ่งท้ายสุดหากภาครัฐเห็นว่าจำเป็นต้องมีกฎหมายเฉพาะจึงจะร่างขึ้นในเวลาต่อมา

หาก “ผู้บริโภค” ใช้บริการธุรกิจที่ยังไม่มีกฎหมายรับรอง จะเกิดผลเสียอย่างไร

ผู้บริโภคอาจได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ว่าจะทางด้านทรัพย์สิน ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ ซึ่งหากการบริการไม่มีมาตรฐานและไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบของภาครัฐอย่างถูกต้องก่อน อย่างเช่น คาเฟ่แมวที่ไม่มีระบบป้องกันเชื้อโรคที่ถูกต้อง หรือการดูแลคนชราโดยไม่มีความรู้  หรือการให้บริการบารากู่ หากไม่มีมาตรฐานทางกฎหมายรองรับก็อาจไม่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับบริการได้

นอกจากนี้ผู้บริโภคอาจมีความผิดด้วย เช่น หากนำบารากู่ไปสูบในที่สาธารณที่กฎหมายห้ามสูบ เช่น สูบในเขตหลอดบุหรี่ (พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2539) โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือกรณีมีไว้ในครอบครอง (เกินกว่า 500 กรัม) โทษปรับ 10 เท่าของค่าแสตมป์ แต่ไม่น้อยกว่า 100 บาท หรือกรณีก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลอื่น (พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน/ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ นอกจากนี้ผู้ที่มีบารากู่และบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครองอาจผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469  มาตรา 27ทวิ ซึ่งมีความผิดต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ(ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2559)

หาก SMEs อยากให้กฎหมายไทยรับรองธุรกิจที่ทำอยู่ มีวิธีแนะนำอย่างไรบ้าง

สำหรับธุรกิจที่กฎหมายไทยยังไม่รับรอง การที่จะพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบธุรกิจเองต้องแสดงให้เห็นถึงผลดีในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริง  หรือบางกรณีธุรกิจนั้นก็เป็นธุรกิจที่สนองความต้องการให้ผู้บริโภคเองได้อย่างพึงพอใจ โดยประชาชนรับรู้ได้เองและจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้มีกฎหมายรับรองขึ้นได้

ดังนั้นไม่ว่าธุรกิจใดๆก็ตาม หากก่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ต่อสังคม และต่อประเทศชาติ ย่อมมีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐจะกำหนดกฎหมายรับรองธุรกิจดังกล่าว อย่างเช่น  Uber  ก็เป็นการที่ตอบสนองความพึงพอใจของประชาชนได้ในส่วนหนึ่ง โดยผู้บริโภครับรู้ได้เอง  เพราะเป็นการพัฒนาระบบคมนาคมไทย ตลอดจนคิดค้นนวัตกรรม ช่วยให้คนในสังคมไทยเข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม จนกระทั่งปัจจุบันก็มีการเสนอให้พิจารณากฎหมายเพื่อรองรับธุรกิจดังกล่าวอยู่

แอน วรรณประทีป

โดยคุณแอน วรรณประทีป หุ้นส่วน บริษัท แอดลอว์ แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด