เสียงสะท้อน คุณลุงหัวใจนักสู้ ลุยทำร้านโชห่วย ไม่ง้อพึ่งรัฐ


เสียงสะท้อนจากพ่อค้าโชห่วยชุมชนรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณลุงยอดนักสู้ ทำร้านโชห่วยมาตั้งแต่ปี 2540 ทำมา 10 กว่าปี ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ร้านโชห่วยของตัวคุณลุงว่า ร้านของคุณลุงในตอนนี้มีรายรับน้อยกว่าแต่เดิมมาก เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูงไม่ใช่แค่เพียงร้านโชห่วยร้านอื่น แต่รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่ต่างช่วงชิงลูกค้ากัน ทำให้ยอดขายร้านของลุงตกไปเป็นอย่างมาก แค่เฉพาะระแวกที่คุณลุงอยู่ก็มีร้านโชห่วยผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก ยังไม่นับห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก และร้านสะดวกซื้อที่ผุดขึ้นกันเป็นว่าเล่น

10 กว่าปี “คุณลุงสู้มาได้อย่างไร” คุณลุงได้ตอบกับเรา ลุงอยู่แบบพอกินพอใช้ ดิ้นรนกว่านี้ก็ไม่มีทางไหนแล้ว แต่ลุงก็พยายามหาของที่แตกต่างจากร้านอื่นๆมาขาย เพื่อที่ลูกค้าจะเลือกมาซื้อของร้านเรา ครั้นจะไปสู้กับร้านสะดวกซื้อ หรือ ห้างสรรพสินค้าในเรื่องของราคาคงเป็นไปได้ยาก ยิ่งมาเจอ พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และยัง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ยิ่งแย่ไปกันใหญ่

คุณลุงได้บอกต่อว่า การจะไปพึ่งรัฐอย่างเดียวก็คงไม่ช่วยอะไรได้มาก แต่อยากให้ภาครัฐเข้าใจหัวอกคนทำร้านโชห่วยบ้างก่อนที่จะออกมาตราการอะไรมา กฎหมายที่ออกมานั้นไม่ได้ห้ามคนซื้อ ห้ามแต่คนขาย แล้วทีนี้ร้านโชห่วยจะอยู่รอดได้อย่างไร

ซึ่งในตอนนี้คุณลุงได้รวมกลุ่มร้านโชห่วยมาได้ 4 ปีแล้ว เพื่อให้คนที่ทำร้านโชห่วยได้ช่วยกันหาวิธีการแก้ไข เพราะรัฐคงพึ่งได้ยาก จึงอยากให้ใครที่มีไอเดียดีๆมาช่วยกันแก้ปัญหา ใครมีประสบการณ์อะไรที่ดีหรือไม่ดีก็มาแบ่งปันความรู้กัน เพื่อที่จะทำให้ร้านโชห่วยอยู่รอดในยุคนี้ได้

สุดท้ายนี้เราต้องขอปรบมือให้คุณลุงยอดนักสู้ ถึงแม้ว่ายอดขายจะตกลง แต่คุณลุงก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาร้านของตัวเอง พยายามหาสิ่งที่แตกต่างจากร้านอื่นมาขาย ทั้งยังเป็นแกนนำตั้งกลุ่มร้านโชห่วยที่ให้ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้ได้เข้ามาหาวิธีแก้ไขกัน แบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์กันและกัน โดยไม่ต้องง้อรัฐ