เทียบชัดๆหมัดต่อหมัด “KERRY” ให้บริการดีกว่า “ไปรษณีย์ไทย” จริงหรือ?
เมื่อพูดถึง “ระบบขนส่งสินค้า” ในประเทศไทย หลายคนคงจะนึกถึงการขนส่งไปรษณีย์ไทยและการขนส่งเอกชน ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ จากการสอบถามผู้ใช้บริการจริง เสียงส่วนใหญ่ลงน้ำหนักไปทางการขนส่งของเอกชนมากกว่า โดยเฉพาะบริษัทขนส่งเอกชนอย่าง KERRY ที่ส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า KERRY ส่งเร็ว ส่งไว สินค้าไม่เสียหาย มีการโทรติดต่อนัดหมายลูกค้าก่อนมาส่งของ อย่างน้อยถ้าไม่มีคนอยู่บ้าน ก็พอจะไหว้วานให้ญาติพี่น้องแถวบ้านมาคอยรับของที่บ้านได้ มีระบบที่สมัยกว่า และลูกค้าชอบสุดๆ คือ การเก็บเงินปลายทาง สำหรับข้อเสียก็มีบ้างเล็กน้อย เนื่องจากพนังงานมือใหม่บางคนอาจส่งของผิดที่บ้าง มาดูความเห็นของผู้ที่เคยใช้บริการของทางไปรษณีย์ไทยกันบ้าง ซึ่งต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า ส่งสินค้าช้า ไม่มีการติดต่อก่อนส่งของ และยิ่งถ้าเป็นพัสดุ ไม่มีคนอยู่บ้านหรือไม่สามารถฝากของไว้ที่ รปภ. หรือ นิติบุคคล ให้ไปรับของที่ไปรษณีย์ใกล้บ้านทางเดียว หรือไม่ก็โทรไปที่ไปรษณีย์พร้อมจ่าย 30 บาท เพื่อเป็นค่านำกลับมาส่งให้ใหม่เสียเวลาอย่างเดียวไม่พอ ต้องเสียงเงินเพิ่มอีก ยิ่งเรื่องโปรแกรมหรือระบบภายในไม่ต้องพูดถึง ไม่สามารถพัฒนาได้ขนาดเป็นเอกชนแต่คนยังทำงานแบบราชการโบราณมาก และเวลาติดต่อสอบถามกับพนักงานไม่ว่าจะเป็นทางการพูดคุยต่อหน้าหรือทางโทรศัพท์ชอบโยนงานกันไปกันมา พูดแบบไม่รักษาน้ำใจลูกค้า ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นความคิดเห็นของผู้ที่เคยสัมผัสเคยใช้บริการขนส่งสินค้าของทั้ง 2 บริษัทมาแล้ว มาดูสิว่าข้อดี-ข้อเสีย ที่แท้จริงของทั้ง 2 บริษัทนั้น มีความแตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง เริ่มต้นที่ ไปรษณีย์ไทย ในตำนาน เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในปัจจุบันไปรษณีย์ไทยมีการให้บริการที่หลากหลายนอกจากการขนส่งสินค้า เช่น รับชำระค่าบริการต่างๆ บริการการเงิน การจำหน่ายแสตมป์ รวมไปถึงจัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการห่อหุ้มสินค้า
ข้อดีของไปรษณีย์ไทย
- มีสาขาทั่วประเทศ
- การส่งแบบธรรมดามีราคาถูกกว่า
- การส่งแบบ EMS สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุได้ทางอินเตอร์เน็ต
- มีการให้บริการแบบ Drive Thru (มีเฉพาะบางสาขา)
- แม้ที่อยู่ผิด แต่บุรุษไปรษณีย์สามารถนำจ่ายได้ถูกบ้าน
ข้อเสียของไปรษณีย์ไทย
- ราคาค่าส่งแบบ EMS ราคาเทียบเท่ากับเอกชน
- สินค้าบางชิ้นเกิดความเสียหายระหว่างขนส่ง
- การขนส่งที่ล่าช้า
มาต่อกันที่ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เป็นบริษัทในเครือของ เคอรี่ โลจิสติกส์ เน็ทเวิร์ค ซึ่งมีการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในประเทศฮ่องกงโดยระยะหลังๆ ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก KERRY ได้เล็งเห็นถึงปัญหาการขนส่งไปรษณีย์ไทยที่มีความล่าช้า ทำให้ KERRY วางระบบการขนส่งสินค้าที่ทำให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว เมื่อ KERRY เปิดตัวได้ไม่นานก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากเหล่าผู้มาใช้บริการมากมาย
ข้อดีของ KERRY
- ระบบขนส่งมีความรวดเร็ว
- เรียกเก็บเงินปลายทาง
- ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิต-บัตรเดบิตได้ถึงหน้าบ้าน
- มีการรับประกันสินค้าหากสินค้าชำรุดหรือหาย
- มีเจ้าหน้าที่โทรหาเมื่อสินค้าถูกนำจ่ายทุกครั้ง
ข้อเสียของ KERRY
- สาขายังมีไม่มากเท่าที่ควร
- เจ้าหน้าที่นำจ่ายยังไม่เชี่ยวชาญเส้นทางมากนัก
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของธุรกิจแล้ว ระบบการขนส่งสินค้าในประเทศไทยถือได้ว่ามีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเมื่อมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น บริษัทขนส่งแต่ละบริษัทก็ต่างต้องแข่งขันและพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุค 4.0 ให้ได้มากที่สุด