เอสเอ็มอี ต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง พึ่งรัฐให้น้อยที่สุด


นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า แนวทางการแก้ปัญหาธุรกิจ เอสเอ็มอี ของรัฐบาลได้ขยับมาแก้ปัญหากลางทาง

ในเรื่องของปรับโครงสร้างหนี้ และการอุดหนุนสินเชื่อ ซึ่งดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่เน้นในการแก้ไขที่ ปลายเหตุ เช่น การจัดแสดงสินค้า และการฝึกอบรม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรจะลงลึกเข้าไปแก้ไขในระดับต้นน้ำของปัญหา ก็คือเรื่องการเข้าไปปรับโมเดลธุรกิจของเอสเอ็มอีให้มีความทันสมัยไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ให้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีการวางแผนธุรกิจเพื่อให้มีทิศทางการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่โตมาจากรายเล็กต้องพยายามต่อสู้เพื่อให้รอดพ้นไปวันๆ จึงไม่สนใจวางแผนธุรกิจระยะยาว โดยจากผลสำรวจการปรับตัวของธุรกิจ เอสเอ็มอี ในเบื้องต้น จากกลุ่มตัวอย่าง 685 ราย พบว่า มีสูงถึง 70-80% ที่ไม่มีการวางแผนล่วงหน้าเกิน 1 ปี

ซึ่งเป็นทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่มีการคิดวางระบบอย่างจริงจัง ดูแต่เงินที่คงเหลือ การเติบโตของธุรกิจจะเป็นไปตามเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะหากช่วงใดเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าก็อยู่รอดได้ยาก

“ในอนาคตภาวะเศรษฐกิจจะเปลี่ยนไปมาก ภาครัฐจะต้องเข้าไปให้การอบรมในระยะยาว เพื่อผลักดันให้เอสเอ็มอีปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0”

นอกจากนี้ ในการสำรวจ พบว่ามี เอสเอ็มอี เพียง 20% ที่ปรับตัวได้ มีการวางแผนธุรกิจเกิน 1 ปี และมีภาพชัดเจนว่าในอีก 3-5 ปี จะเดินไปในทิศทางใด ซึ่งกลุ่มที่ปรับตัวได้จะเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีหัวคิดก้าวหน้า หาความรู้มาปรับปรุงธุรกิจสม่ำเสมอ นำระบบไอทีเข้ามาใช้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการส่งออก และบริการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ภาครัฐจะต้องสื่อสารให้ เอสเอ็มอี ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง พึ่งพารัฐ ให้น้อยที่สุด ภาคเอกชนจะต้องรวมกลุ่มกันช่วยแก้ปัญหาต่างๆและให้รัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนในสิ่งที่จำเป็น เพราะหากรอให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวจะไปไม่รอด

อ่านข่าวอื่น >>> [คลิก]
ดูรายการเที่ยงวันทันกระแส >>> [คลิก]