รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
1. ฮาร์วีย์ แมคเคย์ (Harvey Mackay)
“การคิดในแง่บวกไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดสวยหรู แต่มันสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเรา ได้จริงๆ และเป็นที่แน่ชัดว่าเมื่อใดก็ตามที่เรามองสิ่งต่างๆ ในแง่บวก ทั้งเราและคนรอบข้าง ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
ฮาร์วีย์เชื่อว่าการคิดบวกนั้นให้ประโยชน์ต่อทั้งตัวเองและยังสามารถส่งผลต่อผู้อื่นได้อีกด้วย
2.ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (Peter Drucker) ผู้เขียน “The Effective Executive”
“การประชุมเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าองค์กรของคุณมีความบกพร่องอยู่ จึงต้องมีการหารือแก้ไข ซึ่งคนเราไม่สามารถทำงานและเข้าร่วมประชุมไปพร้อมกันได้ แต่เพียงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น”
คุณต้องหาวิธีว่าคุณจะบริหารองค์กรอย่างไรเพื่อจะได้ไม่ต้องมีการประชุมยิบย่อย ที่ไม่ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นรูปธรรม
3.จิม โลเออร์ (Jim Loehr) ผู้เขียน “The Power of Full Engagement”
“ถ้าคุณไม่ออกกำลังมากกว่าที่ออกแรงในชีวิตประจำวัน คุณก็ไม่มีทางสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งได้”
ลองนำข้อคิดนี้มาใช้กับกล้ามเนื้อก้อนสำคัญที่สุดที่เรียกว่า “สมอง” ดูสิ ให้มันได้ออกกำลัง ท้าทายสติปัญญาตัวเอง และไม่ลืมให้อาหารสมองอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณจะสังเกตเห็นพัฒนาการของมันในไม่ช้า
4.แดเนียล คาฮ์นะมัน (Daniel Kahneman) ผู้เขียน “Thinking Fast and Slow”
“ผู้คนมักตัดสินศักยภาพคนจากสองสิ่งรวมกัน ได้แก่ จุดแข็งและความน่าเชื่อถือ”
ถ้าอยากเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อคนอื่นล่ะก็ จงแสดงจุดเด่นของตัวเองด้วยการเป็นแหล่งที่พึ่งที่ดีให้กับลูกค้า รวมถึงแสดงความน่าเชื่อถือโดยการยึดมั่นทำในสิ่งที่ได้ลั่นวาจาไปแล้วให้สำเร็จ
5.สตีเฟน อาร์. โควีย์ (Stephen R. Covey)
“ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ฟังเพื่อที่จะเข้าใจหรอก แต่ฟังเพื่อที่ตัวเองจะได้ตอบกลับเท่านั้น”
คำพูดของโควีย์น่าจะแทงใจดำใครได้หลายคนเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าใครก็น่าจะคุ้นเคยกับความรู้สึกเฝ้ารอจังหวะที่จะได้แย่งซีนอวดโอ่ความรู้ของตนเองในวงสนทนา
6.มารี คูรี (Marie Curie)
“ฉันถูกสอนมาว่า หนทางที่นำไปสู่ความก้าวหน้านั้น ไม่ได้ง่ายและต้องใช้เวลา”
ถ้าอยากจะพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น ก็จำเป็นที่จำเป็นที่จะต้องลงทุนลงแรงกับมัน เพราะการลงทุนเพื่อการพัฒนานั้นย่อมคุ้มค่าเสมอ
7.ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt)
“ความกล้าไม่ได้หมายถึงการมีพลังที่จะก้าวเดินต่อ แต่เป็นการก้าวต่อไปได้แม้ในยามที่ไร้พลัง”
เราต่างคุ้นเคยกับการต่อสู้กับเสียงในหัวของตัวเองดี บางครั้งมันก็บอกคุณว่า “ไม่เป็นไร หยุดเถอะ แค่นี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว เลิกเถอะ” แต่เสียงที่คุณควรที่จะใส่ใจให้มากคืออีกเสียงเล็กๆ ที่กระซิบบอกกับคุณว่า “ถึงเวลาที่คุณต้องลุกขึ้นมาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้แล้วนะ”
8.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง (Martin Luther King)
“ใครสามารถเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ทั้งนั้น เพราะไม่ว่าใครก็สามารถสร้างคุณประโยชน์ได้ คุณไม่จำเป็นจำต้องมีใบปริญญา หรือใช้ภาษาถูกตามหลัก สิ่งที่คุณต้องใช้มีเพียงหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความดีงาม และจิตวิญญาณที่ขับเคลื่อนด้วยความรัก”
นี่เป็นคำคมที่เยี่ยมยอด เพราะมันบอกว่าเราทุกคนมีความเท่าเทียมกัน สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่สร้างสรรค์คุณประโยชน์ จากนั้นสิ่งอื่นๆ ที่ดีจะตามมาเอง
9.นิรนาม
“คุณมีอิสระในการตัดสินใจ แต่ไม่สามารถหลีกหนีจากผลของการตัดสินใจนั้นพ้นได้”
การตัดสินใจวางแผนชีวิตประจำวันที่ดี จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีได้ ส่วนการตัดสินใจที่ผิดพลาด ก็ย่อมตามมาด้วยผลที่ไม่น่าประทับใจ