จากลูกชาวนา เจ๊งแล้วสู้ไม่ถอย ลุยต่อ ธุรกิจชาบู 6 ปีมูลค่า 2,000 ล้าน


ถ้าพูดถึง ธุรกิจชาบู อย่างร้านชาบูอินดี้ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักหรือคุ้นตากันเป็นอย่างดี ด้วยสาขามากมายทั่วประเทศกว่า 173 สาขา ทั้งปัจจุบันยังสร้างมูลค่าธุรกิจกว่า 2,000 ล้านบาท และมียอดขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่สาขาละ 1 ล้าน จากความสำเร็จเกิดขึ้น เขามีวิธีบริหารยังไง ไขคำตอบได้ในรายการ SME Take Off

คุณปู สุภัทรา ดวงงา เจ้าของธุรกิจ ร้านชาบูอินดี้ เล่าว่า เดิมเกิดมาเป็นลูกชาวนาและทำงานเชียร์เบียร์เพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบ ร้านชาบูอินดี้ใช้เงินลงทุน 450,000 บาท ซึ่งเงินส่วนหนึ่งมาจากซองแต่งงาน เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ชาบูอินดี้เป็นร้านชาบูที่ไม่ได้จำกัดเวลาในการรับประทาน โดยต่างจังหวัดราคาเริ่มต้นอยู่ที่คนละ 199 และ 299 บาท ส่วนกรุงเทพและปริมณฑลราคาจะอยู่ที่ 259 และ 359 บาท ซึ่งราคาที่ถูกลงนั้นจะไม่รวมการรับประทานอาหารประเภทเครื่องดื่ม, กุ้ง, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และเนื้อวัวได้ ส่วนวัตถุดิบที่แพงที่สุดในร้านคือ เนื้อหมูสันคอ ซึ่งเป็นส่วนที่มีมันแทรกทำให้มีรสชาติอร่อย โดยในหมู 1 ตัวจะมีอยู่ไม่เกิน 5 กิโลกรัม ชาบูอินดี้ เกิดจากแนวคิดที่ต้องการให้คนชนบทตามจังหวัดต่างๆได้กินอาหารที่ดีมีคุณภาพ เราจึงใช้หลักการป่าล้อมเมือง เลือกเปิดตามต่างจังหวัดก่อน แล้วขยายสู่กรุงเทพ โดยเปิดที่นครราชสีมาเป็นที่แรก ก่อนลงทุนไม่กลัวเจ๊งเพราะคิดว่ายังไงก็ต้องมีทางออกให้เราเดินต่อไป ในช่วงเริ่มต้นเนื่องจากไม่มีเงินทุนมากมาย จึงเน้นเรื่องวัตถุดิบเป็นหลัก เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจร้านอาหาร และเมื่อมีทุนพร้อมจึงค่อยๆต่อยอดเรื่องอื่น เช่นการตกแต่งร้านให้สวยงาม ปีแรกธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ทำให้เราลืมการบริหารจัดการระบบหลังบ้าน ซึ่งช่วงนั้นใช้เงินสดไปอย่างรวดเร็ว และการขายแฟรนไชส์ราคา 150,000 บาทในเวลานั้น ก็ไม่ได้ขายแบบให้เกิดรายได้ต่อเพื่อนำมาหล่อเลี้ยงแบรนด์ให้เข้มแข็ง เมื่อมีปัญหากระแสเงินสดเลยทำให้เกิดปัญหาทุกอย่าง เช่น ไม่มีเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ ทำให้เก็บสต็อกวัตถุดิบไม่เพียงพอ ส่วนลูกหนี้ก็ตามเก็บไม่ได้ เพราะไม่มีวิธีบริหารที่ดี ทำให้ต้องหันมาเปลี่ยนวิธีคิด ด้วยการคิดบวกและศึกษาวิธีคิดจากคนที่ประสบความสำเร็จ

ธุรกิจชาบู มีทุกวันนี้ได้ เพราะการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ

ส่วนสำคัญที่ทำให้ชาบูอินดี้ประสบความสำเร็จมาจาก การที่เราใช้วัตถุดิบคุณภาพและคัดสรรค์เฉพาะวัตถุดิบที่ลูกค้ากินได้และต้องการกินจริงๆ ไม่ใช่จะเน้นจำนวนเมนูเยอะแต่ลูกค้าไม่ได้กินเลย การที่เรารู้ว่าอะไรบ้างที่ลูกค้ากินได้ทั้งหมด เพราช่วงแรกเริ่มเราเดินเสิร์ฟเอง เก็บโต้ะเองและทิ้งขยะเอง เลยทำให้เรารู้ว่าลูกค้าไม่ชอบกินอะไร จึงตัดวัตถุดิบที่เขาไม่ชอบกินออก แล้วไปเพิ่มปริมาณและคุณภาพในวัตถุดิบที่ลูกค้าชอบกินแทน และเมื่อลูกค้าเข้ามานั่งที่ร้าน เราจะจัดวัตถุดิบจานแรกให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความว้าววว โดยวัตถุดิบทุกชนิดในร้านชาบูอินดี้ทุกสาขาต้องห้ามค้างเกิน 1 คืน เพราะลูกค้าจะสัมผัสได้ด้วยปลายลิ้น และไม่หยุดพัฒนาต่อ

ชาบูอินดี้ กับวันที่ประสบความสำเร็จแล้ว

ปัจจุบันชาบูอินดี้มีสาขาทั่วประเทศกว่า 173 สาขา สร้างมูลค่าธุรกิจกว่า 2,000 ล้านบาท และมียอดขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่สาขาละ 1 ล้าน ช่วงแรกที่คิดสูตรปรุงรสต่างๆขึ้นมา หวงมากไม่ยอมบอกใคร แต่มันก็ทำให้เราไปต่อไม่ได้ เราจึงต้องปล่อยวาง ซึ่งมันก็ทำให้เราไปต่อได้จนมีวันนี้ สำหรับทีมงานก็สำคัญ เราต้องให้ความไว้ใจเขา เชื่อมันพวกเขา พร้อมนำระบบต่างๆเข้ามาใช้ให้ธุรกิจง่ายขึ้น และปัจจุบันร้านชาบูอินดี้เป็นแหล่งที่รวมครอบครัวเข้าไว้ด้วยกัน เราจะเห็นว่าวันหยุดจะมีครอบครัวมากินข้าวด้วยกันอย่างอบอุ่น วันนี้เราอยากเห็นทีมงานมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสะดวกสบายมากขึ้น มีความมั่นคงในหน้าที่การงาน

อยากทำธุรกิจอาหารให้สำเร็จ ต้องรู้จักตัวเอง

สำหรับใครที่อยากเปิดร้านชาบูให้ประสบความสำเร็จ แนะนำว่าให้สำรวจตัวเองก่อนว่าชอบอะไร เพราะการทำธุรกิจนั้นขึ้นอยู่กับพื้นฐานของผู้บริหารด้วย จากนั้นต้องมาดูว่าความสามารถในการลงทุนของเรามากน้อยขนาดไหนแล้วเลือกลงทุนตามไซส์ที่เหมาะกับเรา หรือถ้าอยากได้ทุนเพิ่มก็ลองหาพาร์ทเนอร์ นอกจากนั้นการทำธุรกิจร้านอาหารสิ่งสำคัญที่สุดคือคุณภาพ การบริการ การเอาใจใส่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้บริการอีกครั้ง หากเจ้าของร้านพลาดเพียงครั้งเดียวลูกค้าจะจำชื่อร้านเราไปตลอด