INDIGOSKIN ธุรกิจเดนิม แบรนด์ไทยแท้ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์จากงานศิลป์ พร้อมลุยตลาดเดนิมสายพรีเมียม โดยไม่สนใจคู่แข่งขันรายใหญ่ใน Red Ocean จากทั่วโลก ปัจจุบันประสบความสำเร็จไปไกลถึงต่างประเทศ
คุณก้อ ธัชวีร์ สนธิระติ เจ้าของแบรนด์ INDIGOSKIN (อินดิโก้สกิน) ธุรกิจเดนิม ที่มีความเรียบโก้และเต็มไปด้วยดีเทลสวยงามของศิลปะไทย เล่าว่า เนื่องจากตนเองเป็นคนชอบกางเกงยีนส์มาตั้งแต่เด็ก และมองว่ามันเป็นไอเท่มที่มีความมหัศจรรย์ เพราะยิ่งเก่ายิ่งสวย ไม่ว่าจะเป็นรอยยับรอยขาดที่มีเสน่ห์ ทั้งยังคงทนและสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส
หลังจากได้สะสมเรื่อยมาทำให้เกิดการหลงใหลในดีเทลต่างๆในงานออกแบบยีนส์ โดยเฉพาะงานออกแบบของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการนำลวดลายเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นมาไว้ในกระดุม หรือการนำผ้าที่ใช้ตัดชุดกิโมโนมาผสมผสาน เราเลยมาคิดต่อว่า ทำไมไม่มีใครนำเอกลักษณ์หรืองานศิลปะของไทย มาผสมผสานกับเสื้อผ้าอย่างกางเกงยีนส์บ้าง ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีใครทำ เราเลยนำยีนส์มาผสมกับลวดลายไทยให้กลายเป็นยีนส์ระดับพรีเมียม โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า INDIGOSKIN เนื่องจากเราชอบใส่ยีนส์มากจนมันกลายเป็นผิวหนังผิวที่สองของเรา INDIGOSKIN หรือผิวหนังสีคราม เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่ก้าวมาทำแบรนด์เดนิมในตลาดพรีเมียม
ผมเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ตอนอายุ 25 มาถึงตอนนี้ก็ 9 ปีมาแล้ว จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา เกิดจากการเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ลูฟฝรั่งเศส ขณะนั้นใส่เสื้อลายกนกของไทยไปแล้วมีฝรั่งมาขอซื้อต่อ เราเลยคิดว่าศิลปะไทยไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก จึงอยากนำเอกลักษณ์ไทยที่หลายคนมองว่าล้าสมัยมาทำในอีกรูปแบบที่ดูสดใหม่ ซึ่งที่ทำไม่ได้คิดว่าจะไปแข่งกับใคร แต่เราอยากทำในสิ่งที่รักให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง “อยากทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง จะเจ๊งก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็แค่กลับไปทำงานประจำอีกครั้ง” แต่มันก็จะทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราคิดสิ่งที่เราฝัน พอลงมือทำแล้วมันจะออกมาเป็นยังไง ในด้านการคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพ ผมเอาตัวเองเป็นมาตรฐานเป็นตัวแทนลูกค้า เราต้องทำกางเกงยีนส์มาตรฐานดี คุณภาพดีจนเราพอใจ แล้วอยากซื้อใส่ก่อน เราพยายามคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ เช่น ผ้าเดนิมที่มีการถักทอแบบโบราณจากญี่ปุ่น กระดุมอย่างดีที่มีความทนทานสูง ส่วนเส้นด้ายก็สั่งย้อมสีแบบพิเศษเพื่อให้ตรงกับเอกลักษณ์การออกแบบของเราโดยเฉพาะ
สำหรับกางเกงยีนส์รุ่นแรกที่ออกมาเราตั้งชื่อรุ่นมันว่า “ล็อต 1” เพื่อให้เกิดความเรียบง่ายมากที่สุด จนถึงวันนี้ Basic Item ของเราก็มีถึงรุ่น “ล็อต 10” แล้ว ส่วนรุ่นอื่นๆที่พิเศษขึ้นมาก็จะมีชื่อเฉพาะที่แตกต่างกันไป ด้านแนวคิดการออกแบบ ผมจะมองหาแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัว จากนั้นก็จะกำหนดโจทย์เพื่อสร้างคอนเซปต์ให้กับชิ้นงาน จากนั้นก็จะกระจายดีเทลการตัดเย็บลงไปในชิ้นงาน ทุกสิ่งทุกอย่างเรามีเรื่องราวทั้งหมด โดยเสื้อผ้าทั้งหมดเราเน้นงานดีไซด์เรียบง่ายแบบ Timeless Clothing คือจะผ่านไปอีก 10 ปีข้างหน้าก็สามารถนำกลับมาใส่ได้โดยเคอะเขิน สามารถนำไป Mix&Match กับอะไรก็ได้
ในด้านการขาย ปริมาณขายหลักยังอยู่ที่หน้าร้าน แต่ในส่วนของออนไลน์ก็ถือว่าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เราพยายามสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าทั้ง 2 รูปแบบ ปัจจุบันเราก้าวสู่ความเป็นสากลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ Collaboration ไอเท่มต่างๆ เช่น กางเกงยีนส์, นาฬิกา, รองเท้า ร่วมกับแบรนด์ระดับโลก ทำให้มีลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 30% ส่วนลูกค้าคนไทยอยู่ที่ 70% ทุกวันนี้ดีใจที่มาได้ไกลมากขนาดนี้ แต่สิ่งที่ Concern คือการที่เรามีความสุขกับสิ่งที่ทำ ตื่นมาทุกเช้าล้วอยากมาที่ช็อป มาเจอลูกค้า และพรุ่งนี้เราอยากทำกางเกงยีนส์ให้ดีกว่าเดิม อยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆนี่ก็ถือเป็นความสุขที่สุดของผมแล้ว คนที่โชคดีที่สุดคือคนที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
เมื่อวันที่ 15 – 16 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์กลางการเรียนรู้บีพีเอส กรุงเทพฯ ต่อด้วย ห้องเมฆาบอลรูม โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ HP Latex พร้อมด้วยผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการพิมพ์
ธุรกิจร้านอาหาร แม้จะเปิดง่าย แต่ดำเนินการยาก สิ่งสำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นการคำนวณต้นทุนที่กลายเป็นปัญหา และอุปสรรคสำคัญ เพราะหากบริหารจัดการไม่ดี อาจส่งผลกระทบต่อกำไร-ขาดทุนได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องให้ความสำคัญ มองข้ามไปไม่ได้
หลังจาก Texas Chicken แบรนด์ไก่ทอดสัญชาติสหรัฐฯ มีอันต้องปิดฉากธุรกิจกว่า 9 ปีในประเทศไทย เหลือไว้แค่เพียงความทรงจำ โดยทุกสาขาจะปิดตัวลงวันที่ 30 กันยายน 2567 นี้
