รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
หลายคนอาจจะมองว่าการฟังเพลงในเวลาที่คิดงานไปด้วย อาจเป็นภาวะรบกวนมากกว่าจะได้ความบันเทิงซะอีก หรือ อีกมุมหนึ่งอาจจะถูกมองว่าเราอู้งานด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ SmartSme จะนำมาฝากกัน คือข้อดีของการฟังเพลง ที่ช่วยให้คุณมีทักษะการทำงานที่ดีขึ้น หรือ หากกำลังคิดวางแผนธุรกิจอยู่นั้นก็จะช่วยให้ไอเดียของคุณลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นการศึกษาของ Mindlab International ในการลงพื้นที่และศึกษาพฤติกรรมของคนทำงานและฟังเพลงไปด้วยพบว่า 5 จังหวะดนตรีที่แตกต่างกันมีผลดีผลเสียต่อการทำงานแตกต่างกัน
1. เพลงบรรเลงที่มีเพียงเมโลดี้เรียบ ๆ ไม่มีเนื้อเพลงสร้างความสงบ ดนตรีรูปแบบนี้จะช่วยให้คนทำงานมีสมาธิ เหมาะกับงานที่ทำเป็นระยะเวลานาน และไม่มีความซับซ้อน เนื่องจากจังหวะเพลงมีเพียงเมโลดี้บรรเลงท่วงทำนองด้านดนตรีเรียบ ๆ ไม่มีเนื้อร้อง ทำให้แนวดนตรีชนิดนี้จะทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกสงบมากขึ้น
2. เสียงเบสหนัก ๆ เร่งพลังและความคิดสร้างสรรค์ จากงานวิจัยในปี 2005 พบว่า เพลงที่มีเสียงเบสเป็นเสียงหลักของเพลงจะกระตุ้นให้คุณมีพลังระหว่างการทำงาน และสร้างอารมณ์ที่คึกคักโดยเฉพาะในงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ จังหวะดนตรีประเภทนี้ได้ถูกแนะนำว่าควรฟังก่อนเริ่มต้นการประชุมเพื่อสร้างความมั่นใจ แต่ข้อเสียของเสียงเบสหนัก ๆ นี้ก็อาจจะทำให้ผู้ฟังเสียสมาธิได้ และอาจทำให้เกิดความ ไม่รอบคอบในการทำงานเกิดขึ้น
3. เพลงบรรเลงของโมซาร์ตกระตุ้นการทำงานของสมอง แนวดนตรีนี้จะส่งผลให้การเรียนรู้ดีขึ้น ซึ่งจากการทดลองกับกลุ่มนักเรียนหลายกลุ่ม โดยแบ่งแยกเด็กที่ได้ฟังเพลงบรรเลงของ โมซาร์ต กับอีกกลุ่มที่ไม่ได้ฟังอะไรเลย พบว่า นักเรียนกลุ่มที่ฟังเพลงบรรเลงมีผลคะแนนที่ดีกว่านักเรียนกลุ่มที่ฟังเสียงอื่น ขณะเดียวกัน การฟังเพลงชนิดนี้จะเหมาะกับการช่วยเรื่องกระบวนการคิดและความจำได้เป็นอย่างดี และถูกขนานนามว่า “เดอะ โมซาร์ต เอฟเฟ็กต์”
4. เพิ่มขีดความสามารถในการรับรู้ด้วยดนตรีป็อปที่มีจังหวะดนตรีสนุก จากการศึกษาของไมนด์แล็ป พบว่าการฟังเพลงป็อปที่มีจังหวะดนตรีสนุก จะช่วยให้คนทำงานมีการรับข้อมูลดีขึ้น 58% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ฟังอะไรเลย รวมถึงการวิจัยยังพบข้อดีด้วยว่า การฟังดนตรีประเภทนี้ยังช่วยลดความผิดพลาดในแง่การสะกดคำได้ถึง 14% ด้วย
5. ดนตรีคลาสสิคลดความตรึงเครียด จากงานวิจัยพบว่า ดนตรีคลาสสิคนั้นจะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง ชะลอความดัน รวมถึงช่วยลดความเครียดในการทำงาน โดยงานวิจัยนี้ได้นำไปใช้กับนักเรียนพยาบาลเพื่อช่วยลดความเครียดในการทำงาน สอดคล้องกับแนวดนตรีประเภทนี้จะเหมาะกับงานที่ต้องใช้สมาธิสูงมาก รวมถึงด้านการแพทย์ที่ต้องช่วยลดความเครียดขณะปฏิบัติงานด้วย คราวนี้ใครที่คิดงานไม่ออก หาไอเดียไม่เจอลองเลือกจังหวะเพลงแล้วเปิดฟังกันเลย
ที่มา: lifehack.org , jobthai อ่านเรื่องอื่นๆ >>>[คลิก]