ก.พาณิชย์แนะเอสเอ็มอีส่งออก พลิกวิกฤติเป็นโอกาส


ก.พาณิชย์แนะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยกลุ่มส่งออก พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคเอกชน กลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา จีน และการตอบโต้ทางการค้าของประเทศอื่นๆ รวมทั้งสหภาพยุโรป

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ความขัดแย้งได้สร้างโอกาสให้ไทยที่จะส่งสินค้าเข้าไปแทนที่สินค้าที่ถูกเก็บภาษี ภาคเอกชนจึงควรเตรียมตัวในเชิงรุก และใช้ประโยชน์ โดยสินค้าที่คาดว่าไทยน่าจะมีโอกาสขยายการส่งออกไปจีนได้เพิ่มขึ้น แทนที่สหรัฐฯ ที่ถูกจีนขึ้นภาษี ได้แก่ สินค้าประมง เช่น กุ้ง ซึ่งคาดว่าจีนอาจจะนำเข้าจากสหรัฐฯ น้อยลงจากการขึ้นภาษี เพื่อตอบโต้มาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ

โดยผลไม้เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจีนให้ความนิยมอย่างมาก และไทยมีการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นทุกปี ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เช่นปลาทูน่า และหอยนางรมบรรจุภาชนะ สิ่งสกัดหรือน้ำคั้นจากปลา ที่ผ่านมาจีนนำเข้าจากไทยมากกว่านำเข้าจากสหรัฐฯ และสินค้าที่คาดว่าไทยน่าจะมีโอกาสส่งออกไปกลุ่มประเทศ EU มากขึ้นแทนที่สินค้าสหรัฐฯ ที่ถูกขึ้นภาษี เช่น สินค้าข้าว สินค้าธัญพืชและข้าวปรุงแต่ง

นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการหารือนี้ ภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐ พิจารณาให้ความช่วยเหลือในประเด็นต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน และเตรียมรับมือสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการค้าที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเสนอให้เร่งการเจรจา FTAs เพื่อเปิดตลาดใหม่และสร้างโอกาสในการส่งออกให้แก่สินค้าไทย

นายสนธิรัตน์ เน้นย้ำว่า กระทรวงพาณิชย์จะติดตามมาตรการการโต้ตอบระหว่าง สหรัฐฯ จีน และประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยจะเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการนำเข้า ซึ่งหากเห็นว่าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ที่ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางการค้าโดยมีสินค้าเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น หรือสินค้าที่ทุ่มตลาดเข้ามา เอกชนสามารถประสานแจ้งกระทรวงพาณิชย์ให้พิจารณานำมาตรการทางการค้าที่เหมาะสมมาใช้ เช่น การปกป้องทางการค้า หรือมาตรการโต้ตอบการทุ่มตลาด