Line ประเทศไทย ผู้นำโมเดล o2o กระตุ้น to do – to – to buy


โมเดลธุรกิจ o2o (Online to Offline) คือ   “การใช้ความสามารถของสื่อออนไลน์กระตุ้นให้เกิดความต้องการ เพื่อเพิ่มโอกาสของธุรกิจที่มีหน้าร้านค้าออฟไลน์” (ความหมายจาก Pawoot.com)

สำหรับนาทีนี้ กล่าวได้เลยว่า ไลน์ ประเทศไทย มีสเตตัส เป็นผู้นำโมเดล o2o อย่างโต้แย้งไม่ได้ กับ “ไลน์แมน” (Line Man) บริการสั่งซื้ออาหาร รับ-ส่งของ รับ-ส่งของผ่านไปรษณีย์ และบริการซื้อสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ ที่เชื่อมโยงธุรกิจในออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ ตลอด 24 ชม. ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการมากว่า 2 ปี ไลน์ ประเทศไทย ยังคงพุ่งเป้า และฟันธงว่า การเชื่อมโยงสินค้าและบริการกับลูกค้าโดยโมเดล o2o ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันคนไทยใช้การสื่อสารทางไลน์สูงกว่าแอปพลิเคชันอื่นๆ และ พฤติกรรมผู้บริโภคต่อการซื้อสินค้า E-Commerce เป็นดังนี้

  • 70% เข้าไปดูร้านค้าออนไลน์
  • 62% ตัดสินใจซื้อสินค้า-บริการบนออนไลน์
  • 52% ซื้อสินค้าออนไลน์ ผ่านแล็ปท็อป หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
  • 52% ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน

(ข้อมูลจาก https://goo.gl/aDe8YSX)

ทางด้าน ไลน์แมน ปัจจุบันบริการสั่งอาหารโดยใช้บริการไลน์แมน สร้างรายได้ คิดเป็นสัดส่วน 70% และ บริการรรับ-ส่งสิ่งของ บริการสั่งสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ รับ-ส่งสิ่งของผ่านทางไปรษณีย์คิดเป็น 30%  และตั้งเป้าเอาจุดแข็งของไลน์ที่เป็นแอปพลิเคชันการสื่อสารที่คนไทยใช้มากที่สุด มาเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ธุรกิจออฟไลน์เติบโตยิ่งขึ้น โดยทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการต่างได้รับประโยชน์ในความสะดวกสบายไปพร้อมกัน

จากการศึกษาข้อมูลพบว่าในประเทศจีนที่มีอัตราการขยายตัวและการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ได้นำโมเดล o2o มาใช้กับธุรกิจหลายประเภท และสำหรับธุรกิจที่เหมาะกับใช้โมเดล o2o ได้แก่

  • ธุรกิจอาหาร ซึ่งไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรเยอะ เราคนไทยใช้ไลน์แมนเป็นตัวตัดสินได้เลย
  • ธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยหรืองานบ้านงานครัว เช่น งานสารพัดซ่อม บริการซัก อบ รีด รับตัดขนสัตว์ ฯลฯ
  • ธุรกิจการศึกษา เช่น การให้เรียนคอร์สทางออนไลน์ฟรี เมื่อพอใจก็ค่อยลงทะเบียนไปเรียนออฟไลน์
  • ธุรกิจความสวยความงามกับ O2O เช่น หลายแบรนด์เครื่องสำอางดัง ใช้ Influencer พูดคุยเรื่องความสวยความงามผ่านทาง YouTube เป็นแค่การเล่าเรื่อง (แบ่งปันประสบการณ์การใช้สินค้า) จนผู้ชมเกิดความเชื่อถือ และเกิดการซื้อในที่สุด

กลับมาที่ไลน์ ประเทศไทย เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ไลน์ตอกย้ำความเป็นผู้นำ o2o  โดยการจับมือกับ VGI (VGI Global Media) ชูจุดแข็ง o2o ในการนำเอาเทคโนโลยี “ไลน์ เบคอน” (LINE  Beacon) สำหรับส่งข้อมูลระยะสั้นผ่านบลูธูทพลังงานต่ำ (Bluetooth Low Energy) โดยเมื่อผู้ใช้อยู่ในรัศมีสัญญาณไลน์ เบคอน ก็จะได้รับข้อมูลผ่านทางไลน์ เช่น รายการโปรโมชั่น คูปองแจ้งสิทธิพิเศษ เพื่อเชิญไปใช้งาน ทำให้แบรนด์สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ (Engagement) กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น จากการทดลองใช้ โดยการติดตั้งจุดกระจายสัญญาณที่สถานีหมอชิต สยาม อโศก ศาลาแดง อ่อนนุช  ลูกค้าที่ได้รับข้อความจากไลน์ เบคอน  มีสัดส่วนในการกดเข้าไปติดตามโปรโมชั่นและข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าเป็นการใช้โมเดล o2o ที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรม to do บางอย่าง สู่ to buy ได้เป็นอย่างดี

และไลน์ ประเทศไทย ก็พร้อมจะเป็นผู้นำในการนำโมเดล o2o มาเชื่อมโยงผู้บริโภคออนไลน์สู่ออฟไลน์ และพร้อมก้าวไปสู่การพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศที่ผู้ประกอบการควรจับตามองและมีเอี่ยวในส่วนแบ่งทางตลาดในรูปแบบนำผู้บริโภค online to offline.