ข้อมูลจากการสำรวจ พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต ของคนไทยในปี 2561นอกจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนชั่วโมงการใช้งานแล้ว ยังพบว่ามีหลากหลายกิจกรรมที่คนไทยยังมีความสุ่มเสี่ยงในการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมักจะเกิดจากพฤติกรรมการใช้งานดังนี้ 1. ไม่มีการเปลี่ยนรหัสผ่านทุก ๆ 3 เดือน มีมากถึง45.34% 2. การให้วันเดือนปีเกิดที่แท้จริงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีมากถึง45.04% 3. ละเลยการตรวจสอบว่าเว็บไซต์ที่กำลังทำธุรกรรมอยู่นั้นปลอดภัยหรือไม่ โดยไม่สังเกตว่าเป็นเว็บไซต์ที่ขึ้นต้นด้วย https:// มีมากถึง 44.48% 4.เปิดอีเมลที่ไม่รู้จัก และทำการคลิกลิงก์ในอีเมลที่ไม่รู้จัก มีมากถึง43.36% 5.อัปโหลดรูปถ่าย/วิดีโอทันทีหลังถ่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีมากถึง35.70%
พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต คนไทยเสี่ยงทุกวัย
สำหรับกลุ่ม Baby Boomer เป็นกลุ่มที่น่ากังวลมากที่สุด เช่นเมื่อทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บไซต์ธนาคารก็จะละเลยที่จะสังเกตว่าเป็นเว็บไซต์ที่ขึ้นต้นด้วย https:// หรือไม่ 55.94% และเมื่อสิ้นสุดการใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะ/อุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้อื่นก็ไม่ลบประวัติการใช้งาน 46.96% หรือไม่ลงชื่อออกจากการใช้งานจากเครื่องดังกล่าว 26.14% รวมถึงการที่ไม่ได้ล็อกหน้าจออัตโนมัติ 29.71% ขณะที่ Gen Z จะมีความสุ่มเสี่ยงในเรื่องของการให้วันเดือนปีเกิดที่แท้จริงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ 55.97% การไม่เปลี่ยนรหัสผ่านทุกๆ 3 เดือน 53.73% หรือเปิดอีเมล/คลิกลิงก์ที่ไม่รู้จัก 51.49% รวมทั้งเมื่อใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะ/อุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้อื่นมักตั้งค่าให้อุปกรณ์ดังกล่าวจดจำรหัสผ่านเพื่อจะได้ไม่ต้องพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง 28.36% และคลิกลิงก์ของธนาคารที่ได้จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของธนาคารโดยตรง 16.42% ส่วน Gen Y มักจะชอบทำกิจกรรมเสี่ยงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ เช่น การอัปโหลดรูปถ่าย/วิดีโอทันทีหลังถ่าย 37.90% รวมทั้งการอัพโหลดภาพตั๋วเครื่องบิน/Boarding pass ก่อนการเดินทาง 33.77% และการแชร์ตำแหน่ง (Location) แบบ Real time 13.57% ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับเจ้าของข้อมูลดังนั้นจึงควรตั้งค่าดังกล่าวเป็นส่วนตัว เปิดให้เฉพาะเพื่อน หรือญาติพี่น้อง หรือคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น จากพฤติกรรมของคนไทยในวัยต่างๆ พบว่ายังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของความปลอดภัยต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์และโลกของการใช้งานอินเทอร์เน็ตอีกมาก เรื่องนี้หน่วยงานภาครัฐคงต้องหาทางให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวต่อไปในวงกว้าง
