บีโอไอส่งเสริมการลงทุน EECi ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก


บอร์ดบีโอไอเห็นชอบขยายสิทธิประโยชน์ EECi  พัฒนา เมืองนวัตกรรมอาหารเพิ่มอีก 7 แห่ง ครอบคลุมการลงทุนในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน  เห็นชอบให้ขยายสิทธิประโยชน์โครงการลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เนื่องจากจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 65 จึงผ่อนปรนให้การลงทุนด้านนวัตกรรมในพื้นที่อื่นสามารถเสนอขอรับสิทธิประโยชน์ โดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล อย่างน้อย 5-10 ปี

และยังได้รับสิทธิเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เช่น การลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50  เป็นเวลา 5 ปี  หรือเพิ่มจำนวนปีการยกเว้นภาษีเงินได้อีกด้วย โดยกำหนดเงื่อนไข เมื่อยื่นขอใช้สิทธิ์แล้วต้องลงทุนในกิจการเป้าหมายสำหรับอีอีซีไอ เช่น  การวิจัยและพัฒนา บริการทดสอบวิทยาศาสตร์ การผลิตระบบอัตโนมัติ และการพัฒนาซอฟต์แวร์ เป็นต้น โดยต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 30 ธ.ค.62 และต้องย้ายที่ตั้งไปอยู่ในเขตอีอีซีไอ ภายในวันที่ 30 ธ.ค.65 และยังต้องพัฒนาบุคลากรไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (S&T) ร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

และในส่วนของการพัฒนาเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis)  ให้เป็นเขตส่งเสริมการลงทุน นอกเหนือจากโครงการ Food Innopolis ที่ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ. ปทุมธานี ซึ่งบอร์ดบีโอไอพิจารณาเห็นชอบให้เพิ่มพื้นที่อีก 7 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก ส่งเสริมกิจการเป้าหมาย เช่น การวิจัยพัฒนาด้านเกษตรอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การปรับปรุงพันธุ์ และบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่จะเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองนวัตกรรมอาหารทั้ง 8 แห่ง ประกอบด้วยอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และภูมิภาค เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

นางสาวดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 754 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุน 284,600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวน 316 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 46 ของจำนวนโครงการทั้งหมด มูลค่าเงินลงทุนรวม 224,150 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 82 ของมูลค่าเงินลงทุนโดยรวม

สำหรับการขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี มีจำนวน 142 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 183,230 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 122 ซึ่งบีโอไอมั่นใจว่า โครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายรายจะยื่นขอรับส่งเสริมในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 จากเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุนทั้งปี  720,000 ล้านบาท เพราะส่วนใหญ่หลายโครงการจะเสนอโครงการจำนวนมากในช่วงปลายปีเพื่อเตรียมแผนการลงทุนในปีต่อไป