IoT เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกเมื่ออุปกรณ์รอบตัวคุยกันเองได้ด้วยเซ็นเซอร์


ในปี 2563 บริษัทที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์เป็นหลักซึ่งมีจำนวนมากถึง 25% จะนำไอโอที และดิจิทัลทวินเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things: IoT) และเทคโนโลยี ดิจิทัล ทวิน” (Digital Twin) หรือการสำเนาสิ่งของ อาคาร หรือเครื่องจักรในรูปแบบดิจิทัล มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคบริการ ได้แก่ ช่วยลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ได้อย่างสูงสุด

ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดกรณีลิฟต์เสีย ลูกค้าจะต้องโทรศัพท์ติดต่อวิศวกรบริการโดยตรง วิธีนี้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากเท่าไรนักเนื่องจากวิศวกรแต่ละคนอาจยังไม่ทราบถึงความผิดปกติที่แท้จริงของอุปกรณ์ ซึ่งส่งผลให้อัตราการแก้ไขปัญหาได้สำเร็จในครั้งแรกอยู่ในระดับต่ำและสร้างความผิดหวังให้กับลูกค้าได้

แต่เมื่อปรับใช้เซ็นเซอร์ ไอโอที สินทรัพย์หรือเครื่องจักรจะกลายเป็นระบบ อัจฉริยะที่สามารถส่งข้อมูลกลับไปที่ศูนย์บริการให้ช่วยทำการวินิจฉัยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในแต่ละวัน สัปดาห์ หรือเดือนได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ จะกลายเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่อันดับแรกจาก ที่บริษัทซึ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์เป็นหลักและต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการด้านการบริการของตนจะได้รับ

รายงานการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์คาดการณ์อัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) สำหรับการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ที่ระดับ 39% ในช่วงปี 2559 – 2565 โดยที่การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีต่อปีจะมีจำนวนมากถึง 10,960 ล้านดอลลาร์ในปี 2565

ตอนนี้มาพูดถึงเรื่องดิจิทัลทวิน ซึ่งเป็นตัวแทนของวัตถุทางกายภาพในโลกดิจิทัลกันบ้าง ก่อนหน้านี้ความรู้ของผู้ผลิตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จะสิ้นสุดลงทันทีเมื่อผลิตภัณฑ์ออกจากโรงงานแล้ว แต่ด้วยข้อมูลป้อนกลับจากไอโอที ในปัจจุบันจะทำให้คุณสามารถเริ่มต้นเรียนรู้การใช้งาน พฤติกรรม และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ และยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นด้วย

นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างมากซึ่งจะช่วยให้ลูปของข้อมูลป้อนกลับมีความสมบูรณ์ และนำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น การบริการที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ไห้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และคุณยังสามารถติดตามรูปแบบการใช้งานของลูกค้าเพื่อนำไปสู่การแก้ไขหรือนำฟีเจอร์ที่ไม่ได้รับความนิยมออกจากผลิตภัณฑ์ได้

แนวทางดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้แล้วในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซึ่งมีการเชื่อมโยงรถยนต์เข้ากับระบบเครือข่ายเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลกลับมาสำหรับนำไปใช้ในการวิเคราะห์และใช้โดยวิศวกรเพื่อการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติที่เริ่มปรากฏให้เห็นในแต่ละตำแหน่งได้อีกด้วย

ข่าวดีก็คือสามารถใช้ข้อมูลเพื่อย้อนรอยกลับไปยังผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมได้ จะเห็นได้ว่าผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้างอย่าง แคเทอพิล่า (Caterpillar) มีอุปกรณ์เป็นจำนวนมากที่มีอายุ 10-20 ปี แต่บริษัทได้ดำเนินการติดตั้งเซ็นเซอร์อัจฉริยะเข้ากับอุปกรณ์ของตนเพื่อตรวจวัดแรงดันลมยาง อุณหภูมิ ระดับน้ำมันเครื่อง และอื่นๆ สิ่งนี้สร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าและองค์กรบริการได้เหมือนกัน นั่นคือ ลดปัญหาการหยุดทำงานของอุปกรณ์และเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ ซึ่งแนวทางดังกล่าวได้ช่วยให้ Caterpillar ประหยัดเงินได้นับล้านดอลลาร์แล้วในตอนนี้

โลกของเซ็นเซอร์เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ตอนนี้