นายวราดุลย์ มิตรเกษม ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท ยูบีเอ็มเอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดงาน Food & Hotel Thailand 2018 ณ ไบเทค บางนา เผยว่า ปัจจุบันมูลค่า ธุรกิจร้านอาหาร อยู่ที่ 420,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงมาก จึงสามารถดึงดูดนักลงทุนมากมายให้เข้ามาเล่นในตลาดนี้ (จากสถิติผู้จดทะเบียนร้านอาหารในปี60) คาดว่าปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น ต้นทุนค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังแต่กระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ เช่น ในห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีการปรับเพิ่มพื้นที่สำหรับร้านอาหารกว่า 30-40% อย่างไรก็ตาม หากผู้เล่นมีสายป่านไม่แข็งก็มีโอกาสเจ๊งในระยะเวลาที่เร็วขึ้น สำหรับแนวโน้มการทำธุรกิจร้านอาหารที่จะเปลี่ยนไปในอนาคตก็ได้แก่
- เทรนด์สุขภาพที่เข้ามาตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา จะเริ่มมีการนำวัตถุดิบใหม่ๆเข้ามาผสมผสาน เช่น เทรนด์ควินัว เทรนด์การใช้วัตถุดิบไร้กลูเตน เทรนด์โพรไบโอติกส์ เทรนด์การนำแมลงมาเป็นอีกวัตถุดิบในการปรุง
- สอดคล้องกับการผสมผสานวัตถุดิบพื้นเมืองและวัตถุดิบอื่นๆให้ออกมาเป็นฟิวชั่นฟู้ดที่แปลกใหม่ พร้อมผสานการตกแต่งและดนตรีต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน เช่น รูปแบบร้านสไตล์วินเทจ เปิดเพลงอีสาน เพลงไทยเดิม พร้อมการครีเอทคอกเทลในรูปแบบใหม่ เพื่อประสบการลูกค้าที่ต่างไปจากเดิม
- การไม่ยึดติดกับวัตถุดิบจากแหล่งผลิตชั้นดี เช่น การนำเนื้อวัวของไทยมาปรุงรสให้ออกมาดีไม่แพ้เนื้อวากิวจากญี่ปุ่น
- การท่องเที่ยวเชิง Food Experience ที่ตามไปชิมในแหล่งผลิตท้องถิ่น หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวจากจีนและฮ่องกงที่นิยมมากินปูผัดผงกะหรี่ที่ร้านสมบูรณ์โภชนา
- การนำปลาสายพันธุ์ใหม่ๆมาทำซูชิ
- การผสมผสานระหว่างกาแฟกับแอลกอฮอล์
- การทำเครื่องดื่มผลไม้ในรูปแบบใหม่ๆ
โดยเทรนด์ต่างๆก็จะเปลี่ยนไปตามโลกอินเตอร์เน็ตที่เปิดกว้างมากขึ้น ที่สำคัญ สื่อโซเชียลมีเดียยังมีบทบาทในการตัดสินใจต่อผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างมาก เช่น ร้านบังเกอร์ (Bunker) ย่านสาทร ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนเกาหลี เนื่องจากมี Influencer ชาวเกาหลีเคยมารีวิวลงในโซเชียลมีเดีย ด้านสัดส่วนการเติบโต มองว่า สตรีทฟู้ดยังมีอัตราการเติบโตคงที่ ภัตราคารมีอัตราการเติบโตค่อนข้างน้อย ส่วนที่คาดว่าจะมาแรงที่สุดคือรูปแบบฟู้ดเดลิเวอรี่ ผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยจึงควรปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจ
วราดุลย์ มิตรเกษม
สำหรับใครที่ต้องการแรงบันดาลใจและความรู้ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ งาน Food & Hotel Thailand 2018 สามารถตอบโจทย์ได้ ด้วยบูธกว่า 400 ราย จาก 33 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นโซนการแสดงสินค้าระดับพรีเมียม ได้แก่ โซนอาหารเครื่องดื่ม, เหล้า-ไวน์, ชา-กาแฟ, อุปกรณ์และการให้บริการเกี่ยวกับอาหาร และธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเทคโนโลยี ทั้งในงานมีการแข่งขันต่างๆ เช่น ลาเต้อาร์ต, ประกวดไวน์, และการพบปะแลกเปลี่ยนความรู้กับเครือข่ายธุรกิจโรงแรม อาหาร ท่องเที่ยว พร้อมงานสัมมนาความรู้มากมายจากหลากหลายธุรกิจ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ระดับเวิร์ลคลาส ตั้งแต่ 5-8 กันยายนนี้ ณ ไบเทค บางนา