วันที่ 10 กันยายน ของทุกปี องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นอีกวันสำคัญ คือ วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day) ประกาศครั้งแรกเมื่อ ปี ค.ศ. 2003 คนไทยน่าเป็นห่วงคิดสั้นพยายามฆ่าตัวตายปีละ 53,000 คน
องค์การอนามัยโลก คาดการณ์ว่า ใน 1 ปีมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จประมาณ 1 ล้านคน เฉลี่ยแล้วจะมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จทุก 40 วินาที มากกว่าตายจากสงคราม และถูกฆ่าตาย โดยกลุ่มเสี่ยงจะเป็นผู้ที่ทำร้ายตัวเอง เกือบร้อยละ 80 อยู่ในประเทศรายได้ต่ำ – ปานกลาง ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสฆ่าตัวตาย คือ คนที่เริ่มทำร้ายตัวเอง และจะฆ่าตัวตายสำเร็จในระยะ 1 ปี หลังจากการเริ่มทำร้ายตัวเองครั้งแรก
ประเทศไทยกรมสุขภาพจิตพบว่าคนไทยพยายามฆ่าตัวตายปีละ 53,000 คน เฉลี่ยอยู่ที่ชั่วโมงละ 6 คน ทำสำเร็จปีละประมาณ 4,000 คน เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 4 เท่าตัว อายุต่ำสุดคือ 10 ปี อายุสูงสุดอยู่ที่ 100 ปี ส่วนใหญ่เป็นโสดอีกทั้งยังส่งผลให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเม็ดเงินเศรษฐกิจปีละ 400 ล้านบาท ต้นเหตุส่วนใหญ่มาจาก 5 เรื่องคือ
1.ความสัมพันธ์ส่วนตัว
2.สุรา
3.ยาเสพติด
4.สังคม
5.เศรษฐกิจ
ปัจจุบันวิถีชีวิตคนไทยน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะผู้อาศัยอยู่ในเมืองที่มีการใช้ชีวิตเร่งรีบตลอดเวลา ซึ่งอาจมีผลทำให้รูปแบบความคิดเร่งรีบอย่างไม่รู้ตัวตามไปด้วย ประโยคคุ้นชินที่มักจะได้ยินกันบ่อยๆ คือ ไม่มีเวลา ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากไตร่ตรอง ไม่มีทางเลือกแล้ว เมื่อเจอกับความกดดันมากๆ ก่อให้เกิดการคิดสั้นได้
9 สัญญาณเตือนผู้มีความเสี่ยงคิดสั้นฆ่าตัวตาย
1.ชอบพูดเปรยๆ หรือระบายความรู้สึกผ่านสังคมออนไลน์ว่าอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครรัก ไร้ค่า ไม่มีใครสนใจ
2.เดินทางไปเยี่ยมคนรู้จักโดยที่ไม่เคยทำมาก่อนเหมือนไปบอกลา
3.แยกตัวไม่พูดกับใคร สีหน้าเศร้าหมอง ซึมเศร้า
4.มีการแจกจ่ายของรักของหวง พูดจาฝากฝังคนข้างหลัง ทำพินัยกรรมในเวลาที่ยังไม่สมควร
5.ติดเหล้าหรือใช้ยาเสพติดหนัก
6.ทรมานจากการเจ็บป่วยเรื้อรังจนต้องพึ่งยารักษาเป็นประจำ
7.นอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน
8.ประสบปัญหาชีวิต เช่น ล้มละลาย สูญเสียคนรักกระทันหัน เป็นโรคเรื้อรัง พิการจากอุบัติเหตุ
9.มีอารมณ์ดีขึ้นอย่างกะทันหันตรงกันข้ามกับที่ผ่านๆ มา
วิธีการป้องกันและรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ เริ่มที่ครอบครัวร่วมมือกันอัดฉีดวัคซีน 3 ส. ป้องกันปัญหาฆ่าตัวตาย ได้แก่
- ส.1. การมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน (Connect) ไม่ห่างเหินและใกล้ชิดจนเกินไป ให้คนในครอบครัวเป็นตัวของตัวเอง มีบทบาทหน้าที่ชัดเจน
- ส.2. การสื่อสารที่ดีต่อกัน (Communication) โดยบอกความรู้สึกตัวเองอย่างจริงจัง มีภาษาท่าทางที่เป็นมิตรต่อกัน เช่น สบตา ยิ้ม โอบกอด และการสัมผัส จะช่วยให้คนในครอบครัวเกิดพลังที่เข้มแข็ง
- ส.3. ใส่ใจรับฟัง (Care) คือมีเวลาให้คนในครอบครัว ทำกิจกรรมร่วมกัน และดูแลช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
ข่าวอื่นๆ คลิก