ภาษี SME ไม่เข้าเป้า เล็งออกแพคเกจจูงใจดึงผู้ประกอบการเข้าระบบ


25 ก.ย. นัดประชุมเร่งด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข่อง SME หามาตรการจูงใจให้กับผู้ประกอบการ จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและเข้าสู่ระบบภาษี เพิ่มสิทธิประโยชน์ตามจำนวนภาษีที่เสียจากผลกำไรในการทำธุรกิจ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างงานสัมนารับฟังความคิดเห็นเรื่องข้อเสนอปรับปรุงและแก้ไขประมวลรัษฎากร จัดโดยคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนวันนี้ ว่า ในวันอังคารที่ 25 ก.ย. ได้นัดหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีอากร และหน่วยงานที่มีบทบาทในการสนับสนุนการพัฒนาของผู้ประกอบการ SME อาทิ

กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มาประชุมร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหามาตรการจูงใจให้กับผู้ประกอบการ SME จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น

ปัจจุบันทั่วประเทศมีผู้ประกอบการ SME กว่า 3 ล้านราย แต่มีผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพียง 7 – 8 แสนรายเท่านั้น และพบว่าส่วนใหญ่ยังมีการทำระบบบัญชีที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานหรือมีการทำบัญชีธุรกิจมากกว่า 1 บัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี

ดังนั้นจะต้องมีมาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการ เข้ามาจดทะเบียนอย่างถูกต้องโดยมีหลักการว่าภาษีนิติบุคคลที่ผู้ประกอบการเสียให้กับภาครัฐจะมีผลตอบแทนจากการเสียภาษีให้ในรูปแบบต่างๆ เป็นสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนภาษีที่เสียจากผลกำไรในการทำธุรกิจ

ทั้งนี้มาตรการที่กำหนดไว้คร่าวๆ เช่น ผู้ประกอบการที่เข้าระบบและเสียภาษีถูกต้องก็จะได้การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐเป็นลำดับแรก เช่น การเพิ่มวงเงินค้ำประกันในส่วนของ บสย. การได้สิทธิ์ในการคืนเงินภาษีที่รวดเร็ว

ส่วนผู้ประกอบการธุรกิจที่มีผลกำไรเพิ่ม และเสียภาษีเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไปจะได้รับการสนับสนุนให้เข้าอบรมในโครงการเพิ่มศักยภาพ เช่น การอบรมกับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับเคล็ดลับธุรกิจ รวมทั้งจะได้สิทธิ์ร่วมโครงการกับ สสว.ในการไปเปิดตลาดและจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งจะมีแพคเกจสนับสนุนที่ชัดเจนออกมาภายใน 2 เดือนข้างหน้านี้

ข่าวอื่นๆ คลิก