EXIM BANK

EXIM BANK ต่อยอด CSR “โครงการชุมชนเข้มแข็ง ความเป็นอยู่ยั่งยืน” จังหวัดน่าน จับมือพันธมิตรและลูกค้าสร้างความรู้ทางการเงิน พัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร ส่งเสริมเกษตรยั่งยืน

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ยึดถือการดำเนินธุรกิจควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility: CSR) โดยเชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

หนึ่งในโครงการ CSR ที่ EXIM BANK ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) พร้อมสามารถประเมินผลตอบแทนทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ Social Return on Investment (SROI) คือ “โครงการชุมชนเข้มแข็ง ความเป็นอยู่ยั่งยืน” ในตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน

 

EXIM BANK เลือกพื้นที่ตำบลสันทะเป็นพื้นที่ดำเนินโครงการ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สะท้อนความท้าทายเชิงโครงสร้างของประเทศ ทั้งปัญหาการบุกรุกและเผาป่าเพื่อการเกษตรเชิงเดี่ยว ส่งผลให้ดินเสื่อมโทรม ขาดการพัฒนาอาชีพ รายได้ครัวเรือนต่ำ และเกิดหนี้สินสะสม จึงได้นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของธนาคารเข้าไปสนับสนุนการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ผ่านโครงการให้ความรู้ด้านการเงิน โครงการพัฒนาคุณภาพน้ำผึ้งป่า และโครงการห้วยน้ำเพี้ย โดยใช้มาตรฐาน ISO 26000 เป็นกรอบการดำเนินงาน เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล กรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน EXIM BANK เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 โดยร่วมมือกับค่ายวิศวพัฒน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เริ่มจากการศึกษาปัญหาและความต้องการของชุมชนอย่างลึกซึ้ง คัดเลือกชุมชนนำร่องที่มีศักยภาพ และเสริมสร้างความรู้ด้านการเงิน การบริหารจัดการหนี้ และการออม เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจระดับครัวเรือน ควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพเสริม เช่น การเลี้ยงผึ้งป่า เพื่อสร้างรายได้ระหว่างรอผลผลิตทางการเกษตร

 

“EXIM BANK เริ่มจากการแก้ปัญหาน้ำซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเกษตรบนพื้นที่สูง โดยนำแผงโซลาร์เซลล์ที่ปลดระวางจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งขอรับบริจาคจากลูกค้าธนาคาร มาติดตั้งเป็นแหล่งพลังงานสำหรับผันน้ำขึ้นพื้นที่สูง ช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงทดแทนการปลูกข้าวโพด ลดการเผาตอซัง ลดการบุกรุกป่า และฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวของชุมชน ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม” ดร.วโรทัย กล่าว

ปัจจุบันโครงการเข้าสู่ระยะกลางในปี 2568 ซึ่งมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการประเมิน SROI ทั้งด้านคุณภาพชีวิต รายได้จากพืชเศรษฐกิจทางเลือก และการต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อาทิ โฮมสเตย์ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพน้ำผึ้งป่าเพื่อขยายตลาดและเชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่อุปทานการส่งออก

 

คุณชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ธนาคารจะยกระดับการสนับสนุนในปีนี้ โดยนำความเชี่ยวชาญด้านการส่งออกเข้าไปเสริมศักยภาพวิสาหกิจชุมชนให้สามารถเข้าสู่ตลาดส่งออกหรือเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ร่วมกับพันธมิตร เช่น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) นักวิชาการอิสระ และภาคเอกชน เพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน อย. ใช้การตลาดนำการผลิต และเสริมความรู้ด้านการบริหารการเงินและการค้าออนไลน์ให้แก่เกษตรกร

 

สำหรับปี 2569 EXIM BANK ตั้งเป้าต่อยอดโครงการให้เป็นต้นแบบ CSR เชิงกลยุทธ์ (Best Practice) ที่สามารถขยายผลได้จริง ทั้งด้านการสร้างงาน สร้างอาชีพ การอนุรักษ์ป่า การยกระดับมาตรฐานการผลิตและสิ่งแวดล้อมสู่ระดับสากล ตลอดจนการเชื่อมโยงตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน

ผลลัพธ์ของ ESG in Action จากโครงการดังกล่าวได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนตำบลสันทะและห้วยน้ำเพี้ยอย่างต่อเนื่อง สร้าง Social Impact ที่ชัดเจน เพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน และนำไปสู่การได้รับรางวัลชมเชยประเภทรางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่นในงานรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568 จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง สะท้อนบทบาทของ EXIM BANK ในการลงทุนทางสังคมเพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยเชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาประเทศชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม