Facebook และ IG ปลดล็อคเซ็นเซอร์ หนุนเสรีภาพแห่งการแสดงความคิดเห็น

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, WhatsApp และ Threads ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญเกี่ยวกับโปรแกรม Fact-Checking ผ่านวิดีโอ โดยระบุว่า Meta จะยกเลิกโปรแกรมดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการแสดงออกอย่างเสรีมากขึ้นบนแพลตฟอร์มของตน

ในวิดีโอ ซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับไปสู่รากฐานแห่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ทั้งบน Facebook และ Instagram” โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการจัดการเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม

จากเซ็นเซอร์สู่เสรีภาพ Meta ปลดล็อกอิสระในการสร้างสรรค์คอนเทนต์
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้จะผ่อนคลายข้อจำกัดในการแสดงออกของผู้ใช้ โดยเฉพาะในหัวข้อที่เป็นประเด็นถกเถียงหรือกระแสสังคม และจะนำเสนอเนื้อหาทางการเมืองในรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยอมรับความหลากหลายของความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม Meta จะยังคงเข้มงวดกับเนื้อหาที่เป็นการละเมิดกฎหมาย เช่น การก่อการร้าย การล่วงละเมิดเด็ก และการฉ้อโกง

การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมุ่งเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้สร้างเนื้อหาที่อาจละเมิดมาตรฐานชุมชนโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่าเนื้อหาที่ปลอดภัยบางส่วนถูกปิดกั้นอย่างไม่เหมาะสม หรือบางเพจถูกปิดตัวไป

Community Notes การเปลี่ยนระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ยืดหยุ่น
ซักเคอร์เบิร์กได้อธิบายว่า Meta จะนำระบบตรวจสอบแบบชุมชนมาใช้ โดยเริ่มจากในสหรัฐอเมริกา ระบบนี้มีชื่อว่า “Community Notes” ซึ่งคล้ายกับระบบที่ใช้บน X (ชื่อเดิม Twitter) โดยเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งประเด็นและให้ผู้ใช้คนอื่นเข้ามาโหวตเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันในสังคมออนไลน์ Meta จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือตั้งประเด็นขึ้นมาเอง

การเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับประเด็นอ่อนไหว เช่น การย้ายถิ่นฐาน เรื่องเพศ และการเมือง อย่างไรก็ตาม Meta จะยังคงเน้นการตรวจสอบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด

Meta กับกระแสตลาด ราคาหุ้นร่วงและความกังวลต่อความปลอดภัย
หลังการประกาศของซักเคอร์เบิร์ก ราคาหุ้นของ Meta ลดลงทันที 2% ปิดที่ 616.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นเมื่อวันที่ 7 มกราคม นักวิจารณ์หลายคนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน เนื่องจากเนื้อหาบนแพลตฟอร์มอาจถูกตรวจสอบน้อยลง รวมถึงความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของ Hate Speech

ซักเคอร์เบิร์กยอมรับว่า แม้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสที่เนื้อหาไม่เหมาะสมจะหลุดรอด แต่เขาเชื่อว่าประโยชน์จากการแสดงออกที่หลากหลายจะมีมากกว่าความเสี่ยงดังกล่าว

Meta ปรับตัวสู่ยุคทรัมป์ สะท้อนความสัมพันธ์ทางการเมืองและยุทธศาสตร์
การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการเตรียมพร้อมสำหรับรัฐบาลใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคม 2025 ซักเคอร์เบิร์กเคยมีข้อขัดแย้งกับทรัมป์มาก่อน โดยเฉพาะกรณีการบล็อกบัญชีของทรัมป์หลังเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาในปี 2021 แต่ในช่วงหลังซักเคอร์เบิร์กได้แสดงท่าทีที่เป็นมิตรขึ้น โดยเข้าร่วมงานฉลองของทรัมป์และบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับกองทุนพิธีสาบานตนของทรัมป์

นอกจากนี้ การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารของ Meta ที่มีทั้ง Dana White ผู้ก่อตั้ง UFC และผู้สนับสนุนทรัมป์ รวมถึง Marc Andreessen นักลงทุนเทคโนโลยีที่สนับสนุนการลดการควบคุมเนื้อหาออนไลน์ ยังสะท้อนถึงการปรับตัวของ Meta ในทิศทางที่เอื้อต่อแนวทางของทรัมป์

เสียงสะท้อนรอบโลกต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Meta
การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายจากนานาชาติ ในยุโรปและภูมิภาคอื่น ๆ ที่รัฐบาลผลักดันให้มีการควบคุมเนื้อหาเข้มงวดขึ้น การตัดสินใจของ Meta อาจทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกา แนวทางนี้สอดคล้องกับสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษนิยมที่เรียกร้องการลดการแทรกแซงของแพลตฟอร์ม

การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Meta ครั้งนี้นับเป็นก้าวที่กล้าหาญที่มุ่งเน้นการคืนอำนาจการแสดงออกให้กับผู้ใช้ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการเนื้อหาที่เป็นปัญหา การสร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพในการแสดงออกและความปลอดภัยของผู้ใช้งานจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดความสำเร็จของ Meta ในอนาคต