TECH

Uniqlo เล็งใช้หุ่นยนต์แบบเบ็ดเสร็จในคลังสินค้า แบบไม่ต้องง้อมนุษย์อีกต่อไป

Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo แบรนด์ค้าปลีกชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นประกาศความร่วมมือกับ 2 สตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์ เพื่อเข้าพัฒนากระบวนการจัดส่งสินค้าภายในคลังสินค้าให้มีความทันสมัย รวดเร็วมากขึ้น บริษัท Fast Retailing ได้บรรลุข้อตกลงกับ Mujin Inc. ผู้ผลิตและควบคุมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมอัจฉริยะของญี่ปุ่น และ Exotec Solutions SAS ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นหุ่นยนต์จากประเทศฝรั่งเศส โดยทั้ง 2 บริษัทจะเข้ามาช่วย Fast Retailing มีกระบวนการจัดการคลังสินค้าที่รวดเร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และใช้หุ่นยนต์เข้ามาจัดส่งสินค้า ซึ่งควบคุมด้วยระบบ AI การก้าวไปข้างหน้าในครั้งนี้ของบริษัท Fast Retailing เป็นแผนงานในการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย “เทคโนโลยีขั้นสูง” นอกจากนี้ บริษัท Fast Retailing ยังมองว่าหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ คือการส่งมอบสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริงของผู้บริโภค ในราคา, ปริมาณ, สถานที่ และเวลาที่เหมาะสม ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นบริษัทแรกที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้รายแรกของโลก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 3-5 ปี ภายใต้การลงทุนกว่า 1 แสนล้านเยน เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนากระบวนการทำงานของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น […]

อย่าใช้พอร์ต USB สาธารณะเพื่อชาร์จโทรศัพท์ของคุณโดยตรง รู้ไหมว่ามันอันตราย

พลังงานจากแบตเตอรี่กลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของพวกเราไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ราคาของ Power bank จะถูกลงมากแต่ก็ยังมีบางคนที่นิยมพกเพียงสายชาร์จเพียงอย่างเดียว เพราะเบากว่าสะดวกกว่า แล้วเดี๋ยวนี้ที่ไหนๆ ก็มี USB พอร์ตให้เสียบกันทั้งนั้น แต่ล่าสุดมีคำเตือนจากสำนักงานอัยการเขตแอลเอ บอกให้ระมัดระวังในการเลือกใช้พอร์ต USB สาธารณะ เพราะตอนนี้มีผู้ถูกมัลแวร์โจมตีผ่านทางพอร์ตดังกล่าวแล้วจำนวนมาก การแจ้งเตือนระบุว่าพอร์ต USB สาธารณะอาจถูกติดตั้งมัลแวร์ขโมยข้อมูล แล้วทำการติดตั้งลงในโทรศัพท์ของคุณในขณะที่คุณทำการชาร์จ ผู้ไม่หวังดีอาจเข้าถึงรหัสผ่านและข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ของคุณได้ แต่ถ้าหากคุณมีความจำเป็นต้องใช้พอร์ต USB สาธารณะจริงๆ ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณยอมให้การเชื่อมต่อทำเพื่อการชาร์จไฟเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โทรศัพท์แทบจะทุกรุ่นจะทำการถามเมื่อมีการเชื่อมต่อกับ USB พอร์ต ยอมเสียเวลาอ่านข้อความเตือนแล้วเลือกตัวเลือกที่ปลอดภัย ทุกอย่างก็จะลงตัว แต่ถ้าจะให้ชัวร์ขอแนะนำว่าให้ทำการเสียบโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณเข้ากับเต้าเสียบ AC ดีกว่า นั่นหมายถึงคุณควรจะพก Adaptor ติดตัวไปด้วยเสมอ ส่วนตัวเลือกอีกอย่างหนึ่งก็คือให้พกสาย USB ที่มีความสามารถในการชาร์จไฟเพียงอย่างเดียวก็จะได้รับความปลอดภัยเช่นกัน อ้างอิง: https://lifehacker.com/stop-using-public-usb-ports-to-charge-your-phone-1839906505

มาสเตอร์การ์ด เพิ่มฟังก์ชันการชำระเงินในนาฬิกาไทม์เม็กซ์

มาสเตอร์การ์ดนำเทคโนโลยีการเข้ารหัสโทเค็นมาผนวกกับเทคโนโลยีสมาร์ทชิป เพื่อขยายช่องทางการชำระเงินแบบคอนแทคเลสด้วยอุปกรณ์สวมใส่อย่างมีสไตล์ ประเดิมด้วยนาฬิกาอนาล็อกของไทม์เม็กซ์ มาสเตอร์การ์ด ผู้นำด้านเทคโนโลยีการชำระเงิน และแท็ปปี้ เทคโนโลยี (Tappy Technologies) ผู้นำระดับโลกด้านการให้บริการเทคโนโลยีโทเค็นในอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Token Service Provider) ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อให้อุปกรณ์สวมใส่ทุกรูปแบบจากวงการแฟชั่น สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ในการชำระเงินแบบคอนแทคเลสได้ เทคโนโลยีสมาร์ทชิปเพื่อการชำระเงินแบบคอนแทคเลส ลิขสิทธิ์จากทางแท็ปปี้ สามารถนำไปฝังหรือติดบนเครื่องประดับใดๆ ก็ได้เพื่อทำให้เครื่องประดับชิ้นนั้นๆ กลายเป็นอุปกรณ์ส่วมใสที่สามารถใช้ชำระเงินได้ การร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ดในครั้งนี้ทำให้แบรนด์ต่างๆ ในวงการแฟชั่นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและถือโอกาสเพิ่มผลประโยชน์จากเทรนด์ที่กำลังมาแรง แบรนด์ด้านแฟชั่นที่นำเทคโนโลยีการชำระเงินนี้มาใช้เป็นแบรนด์แรกคือ ไทม์เม็กซ์กรุ๊ป โดยจะเริ่มจากผลิตภัณฑ์ประเภทนาฬิกาและมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้ารุ่นแรกที่สามารถใช้ชำระเงินได้ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2563 อ้างอิง: มาสเตอร์การ์ด

“คุ้มค่า” ดิจิทัลโซลูชันครบวงจรเพื่อธุรกิจธนาคารขยะ ส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างยั่งยืน

จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษปี 2561 ประเทศไทยมีจำนวนขยะมูลฝอยประมาณ 27.8 ล้านตัน สามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและนำไปใช้ประโยชน์ได้ร้อยละ 34 หรือประมาณ 9.58 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นขยะพลาสติกประมาณ 2 ล้านตัน ซึ่งนำกลับมารีไซเคิลได้เพียง 0.5 ล้านตัน เอสซีจีให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะ (Waste Management) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ จึงมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” เพื่อเป็นตัวช่วยในเรื่องดังกล่าว “คุ้มค่า” จึงเป็นเครื่องมือหรือผู้ช่วยให้กับธนาคารขยะและสมาชิก นำมาใช้บริหารจัดการขยะอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายขยะได้ดีขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าและโอกาสการจำหน่ายขยะไปยังโรงงานรีไซเคิลและโรงหลอมได้โดยตรง นอกจากนั้นยังช่วยสร้างแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของคนในสังคม เรื่องการจัดการขยะในบ้านเรือน นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการคัดแยกขยะของชุมชน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกระบวนการรีไซเคิลขยะได้อย่างยั่งยืน การออกแบบแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” เริ่มต้นจากการลงสำรวจพื้นที่ ศึกษาข้อมูลและความต้องการของผู้ใช้งานที่ประกอบธุรกิจธนาคารขยะ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ยังคงบันทึกข้อมูลการซื้อขายด้วยระบบเดิมและไม่มีการจัดทำบันทึกสินค้าคงคลัง จึงมีการพัฒนาโซลูชันด้านดิจิทัลสำหรับการบริหารจัดการขยะตัวนี้ขึ้นมา โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบธุรกิจธนาคารขยะได้อย่างตรงจุด รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่มีจุดเด่น คือ ใช้งานง่าย ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย แอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKah) ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชันหลัก -การรับซื้อขยะ (Buy) ช่วยบันทึก จัดเก็บข้อมูลขยะและคำนวณยอดเงินจากการซื้อขาย -การจัดการสมาชิก […]

โลกเปลี่ยนไป ‘การจับคู่ธุรกิจ’ คือโอกาสกระโดดก้าวใหญ่ที่ SME ต้องรีบคว้า

เพราะการเป็น SME ทุกวันนี้ ไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างง่ายดาย การทำธุรกิจของคนตัวเล็กจำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยหลายอย่างมาช่วยสนับสนุน ทำให้บางธุรกิจกว่าจะมั่นคงได้ ต้องผ่านวิกฤติช่วงเริ่มต้นนานนับปีถึง 2 ปี ดังนั้น โอกาส จึงเป็นสิ่งมีค่ามาก แล้วเราก็ไม่ควรนั่งรอโอกาส แต่ต้องวิ่งหาทุกโอกาสที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โอกาสสร้างความรู้ โอกาสการพัฒนาสินค้า โอกาสทางการเงิน โดยเฉพาะโอกาสทางการค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นสินค้าเรามากที่สุด คุณวีรวัฒน์ ปัณฑวังกร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เล่าว่า การจัดงาน K SME Matching Day ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการมอบโอกาสให้กับ SME ภายใต้แนวคิด ‘We Groom You Grow’ หรือ K SME ใส่ใจให้ธุรกิจโต เพราะถ้าผู้ประกอบการไม่กล้าปรับตัวไปข้างหน้า ถึงแม้ว่าธุรกิจจะยังดีอยู่ ก็อาจถดถอยได้ และการที่จะขยับไปเองก็ไม่ง่าย SME จึงควรศึกษาจากสิ่งที่คนอื่นเคยผ่านมาแล้ว หรือ Learning Curve K SME Matching Day […]

ล้ำขนาดไหน! พาไปดูศูนย์คัดแยกพัสดุของ “อาลีบาบา” กับภารกิจ 11.11 วันที่ยุ่งแห่งปี

เทศกาลชอปปิ้งวันคนโสด 11.11 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งวันของอาลีบาบาที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างรายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.31 หมื่นล้านบาท) โดยใช้เวลาเพียง 1 นาที 36 วินาที หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 11 พฤศจิกายน แน่นอนว่าเมื่อมีคนสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างล้นหลามขนาดนี้ สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือความวุ่นวายในการส่งของนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่เหนือบ่ากว่าแรงอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซระดับโลกจากจีนรายนี้สักเท่าไหร่ เพราะพวกเขามีโรงงานคัดแยกพัสดุที่ล้ำสมัยไว้อยู่แล้ว โดยสำนักข่าวซินหัวได้เผยแพร่คลิปวิดีโอพาชมอาคารคัดแยกพัสดุขนาดมหึมาของอาลีบาบา ซึ่งตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง กับภารกิจคัดแยกพัสดุปริมาณมหาศาลในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งเป็น “วันหนึ่งที่ยุ่งที่สุดของปี” สำหรับงานคัดแยกพัสดุเริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง โดยพัสดุทั้งหมดที่เห็นในคลิปวิดีโอจะถูกจัดส่งไปทั่วโลกด้วยความเร็วสูงสุด ตามยอดสั่งซื้อมหาศาลบนทีมอลล์ (Tmall) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบา ที่มา: สำนักข่าวซินหัว

บริษัทผลิตหุ่นยนต์รีไซเคิลกำลังได้รับความสนใจ เพื่อใช้ลดปัญหาความวุ่นวายของขยะ

ปัญหาของการค้นหาและแยกสิ่งที่อยู่ในกองขยะ กำลังได้รับการแก้ไขด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง หุ่นยนต์สำหรับงานแยกขยะกำลังเป็นที่ต้องการจากทั่วโลก AMP Robotics คืออนาคตของการแยกขยะรีไซเคิล ธุรกิจรีไซเคิลกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งในเรื่องของค่าแรงคนงานและปริมาณขยะที่มากเกินจะจัดการได้ทัน ค่าแรงของแรงงานด้านนี้เพิ่มขึ้นสูงเพราะความขาดแคลนแรงงานด้านนี้ ตรงกันข้ามกับจำนวนขยะที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทางออกเรื่องนี้ต้องการสิ่งที่สามารถทำงานแทนการใช้แรงงานคนได้ อุตสาหกรรมรีไซเคิลจึงหันมาใช้เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ของ AMP Robotics ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการมองเห็นของคอมพิวเตอร์และการเรียนรู้ของเครื่องจักรแบบอัตโนมัติ เพื่อทำการปรับปรุงประสิทธิภาพของการแยกขยะ จากความสามารถของหุ่นยนต์ทำให้สามารถทำการลดต้นทุนในการการคัดแยกได้ นอกจากนั้นยังทำการปรับปรุงคุณภาพของวัสดุที่โรงงานรีไซเคิลจะส่งออกไปได้อีกด้วย ความสามารถในการมองเห็นของคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถระบุบรรจุภัณฑ์ที่มีตราสินค้าต่างๆ ได้ นั่นหมายถึงการคัดแยกที่ทำได้แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม การผสมผสานระหว่างหุ่นยนต์ การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์ และการเรียนรู้ของเครื่องจักรนั้น ทำให้ศักยภาพของอุตสาหกรรมรีไซเคิลเพิ่มขึ้น มีความพร้อมที่จะรองรับปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถทำงานแทนคนที่ไม่อยากทำงานแบบนี้ได้ อ้างอิง: https://techcrunch.com/2019/11/14/recycling-robots-raise-millions-from-top-venture-firms-to-rescue-an-industry-in-turmoil/

Facebook ลบบัญชีปลอมไปแล้วกว่า 5.4 พันล้าน แต่เชื่อว่าอีกหลายล้านยังคงอยู่

ปีนี้ Facebook ได้ปิดตัวบัญชีปลอมจำนวน 5.4 พันล้านบัญชีบนแพลตฟอร์มหลัก แต่เชื่อว่ายังมีอีกนับล้านที่ยังคงอยู่ในระบบ เทียบกับบัญชีปลอมในปี 2018 ถือว่ามีการเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จำนวนของบัญชีปลอมบน Facebook ไม่ได้ลดน้อยลงเลย แม้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้บริษัทสามารถตรวจจับบัญชีปลอมได้ทันทีที่พวกเขาสร้างขึ้น การเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำถึงความตั้งใจ ก่อนที่จะถึงฤดูการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา นักวิเคราะห์และผู้เฝ้าระวังกำลังคอยดูเนื้อหาหลอกลวงและทำให้เข้าใจผิดบนโซเชียลมีเดีย หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกครั้งที่ผ่านมา “ถึงแม้ตัวเลขของเราจะสูง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีเนื้อหาที่เป็นอันตรายมากกว่าคนอื่น ตัวเลขที่สูงนี้เป็นการแสดงถึงความตั้งใจในการทำงานอย่างหนักของพวกเรา” Mark Zuckerberg กล่าว Mark Zuckerberg ได้เรียกร้องให้ผู้สื่อข่าวรายงานจำนวนบัญชีปลอมที่ถูก Facebook ลบออกไปเพื่อแสดงให้เห็นว่า บริษัทกำลังจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจังและเรียกร้องให้แพลตฟอร์มอื่นทำการเปิดเผยข้อมูลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย อ้างอิง: https://edition.cnn.com/2019/11/13/tech/facebook-fake-accounts/index.html

เห็ด อีกหนึ่งทางเลือกของการลดขยะพลาสติก

การเสพติดการใช้พลาสติกของมนุษย์เรานั้นกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ นี่คืออีกหนึ่งทางออกของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ค้นพบวัสดุทดแทนที่พบอยู่ในธรรมชาติ มนุษย์เราผลิตพลาสติกมามากกว่า 8.3 พันล้านตัน นับตั้งแต่ปี 1950 ตามข้อมูลของสหประชาชาติ และส่วนใหญ่ของพลาสติกที่ถูกใช้งานแล้ว จะมีจุดจบอยู่ในหลุมฝังกลบซึ่งต้องใช้เวลาหลายศตวรรษกว่าจะทำการย่อยสลายหมด Ecovative บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพแห่งใหม่ในนิวยอร์ก ตั้งเป้าที่จะลดปริมาณขยะนี้ด้วย Mycelium ซึ่งเป็นโครงสร้างคล้ายรากของเห็ด ส่วนใหญ่เราจะเคยเห็นแต่การเจริญเติบโตของเห็ดเฉพาะส่วนที่อยู่เหนือดิน แต่ Mycelium เป็นสิ่งที่เติบโตอยู่บริเวณด้านล่างของเห็ด และนี่คือที่มาของวัสดุแบบใหม่ที่จะถูกนำมาทดแทนการใช้พลาสติก บริษัทกล่าวว่าได้พัฒนาวิธีการปลูก Mycelium ให้มีรูปร่างและขนาดตามที่ต้องการได้ วิธีนี้จะทำให้สามารถสร้างบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติที่ใช้ทดแทนโฟมได้ กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์โดยใช้น้ำและไฟฟ้าน้อยมากในการทำชิ้นส่วน บริษัทเชื่อว่า Mycelium จะมีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างได้อีกด้วย เนื่องจากวัสดุก่อสร้างมีส่วนประกอบของเส้นใยและโครงสร้างที่สามารถใช้ Mycelium สร้างขึ้นมาได้ ในความเป็นจริงวัสดุบรรจุภัณฑ์อาจเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น มันยังสามารถพัฒนาไปใช้งานอย่างอื่นได้อีกมากมาย อ้างอิง: https://edition.cnn.com/2019/11/13/tech/ecovative-mission-ahead/

เก่งเกินคาด AI วิเคราะห์วันเสียชีวิตของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ

ใคร ๆ ก็รู้วันเกิดแต่วันที่จะหมดลมหายใจนี่สิที่อยากรู้มากกว่า แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหาก AI สามารถวิเคราะห์วันเสียชีวิตของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ และชัดเจนกว่าแพทย์เสียอีก ล่าสุดนักวิจัยในสหรัฐฯ สามารถพัฒนา AI ให้วิเคราะห์ “วันเสียชีวิต” ของผู้ป่วยได้แม่นยำกว่าหมอ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใช้กลไกการวิเคราะห์อย่างไร โดยบริษัทด้านสุขภาพแห่งหนึ่งในเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐฯ ได้ป้อนข้อมูลและสั่งให้ AI ได้ทดลองวิเคราะห์ข้อมูล “คลื่นไฟฟ้าหัวใจ” (Electrocardiogram – ECG) จากผู้ป่วยกว่า 400,000 คน เพื่อทำนายว่าผู้ป่วยคนไหนมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในปีต่อไปบ้าง ผลคือ AI สามารถวิเคราะห์ช่วงเวลาการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้แม่นยำกว่ามนุษย์ (ได้คะแนนสูงกว่า 0.85 เต็ม 1.00) ส่วนแพทย์จริง ๆ ได้คะแนนระหว่าง 0.65-0.8 Brandon Fornwalt ผู้มีส่วนร่วมในงานวิจัยชิ้นนี้กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้แม่นยำกว่ามนุษย์ เพราะมันเห็นข้อมูลบางอย่างในคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือความเชื่อมโยงบางอย่างที่มนุษย์มองไม่เห็นหรืออาจมองข้ามไป อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยอมรับว่า ตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถฟันธงหรือยืนยันได้ว่า ข้อมูลที่บรรดาแพทย์มองข้ามไป แต่ AI ไม่ได้มองข้ามมันคืออะไรกันแน่ ซึ่งถ้าหากถอดปริศนานั้นออกมาได้คาดว่ามันก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์อย่างมากเลยทีเดียว […]

Disney + สตรีมมิ่งน้องใหม่มาแรงเกินความคาดหมาย ยอดสมาชิกถึง 10 ล้านคนอย่างรวดเร็ว

Walt Disney หุ้นพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์หลังจากเปิดตัวบริการ Disney + บริการสตรีมมิ่งเจ้าล่าสุด ได้รับการตอบรับในระดับที่ไม่ธรรมดา ด้วยการมียอดสมัครใช้งานมากถึง 10 ล้านคนภายในเวลาอันรวดเร็ว ผลประกอบการที่แข็งแกร่งที่เพิ่มมูลค่าตลาดมากถึง 18 พันล้านดอลลาร์ นั้นดูเหมือนว่าจะสร้างให้ Disney กลายเป็นผู้เล่นชั้นนำในวงการสตรีมมิ่งสุดร้อนแรง ที่มีคู่แข่งระดับใหญ่ๆ อย่าง Netflix, Amazon, Apple และ HBO แต่เมื่อทำการรวมจำนวนของผู้ชมที่อยู่บนธุรกิจสตรีมมิ่งช่องทางอื่นของ Disney อย่าง Hulu ซึ่งมีสมาชิก 26.8 ล้านราย และ ESPN + ซึ่งมีสมาชิก 3.5 ล้านราย ก็พอที่จะบอกได้ว่า Disney ตอนนี้มีฐานผู้ใช้งานสตรีมมิ่งอยู่ที่ 40.3 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังน้อยกว่า Netflix ที่มีฐานผู้ใช้งานประมาณ 60 ล้านคน Disney + ซึ่งเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ ได้รับผลกระทบทางเทคนิคทันทีที่เปิดตัว เนื่องจากมีความต้องการใช้งานที่สูงเกินคาด บริการนี้มีราคา 7 […]

แว่นตาอัจฉริยะคือ สนามแข่งขันต่อไปของบรรดายักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยี

บริษัทยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีกำลังทำการแข่งขันเพื่อเป้าหมายทางธุรกิจ ขนาดใหญ่ในอนาคตของพวกเขา ซึ่งมันจะไม่ใช่สมาร์ทโฟนแต่จะกลายเป็นแว่นตาอัจฉริยะ CNBC รายงานว่า Microsoft, Amazon, Google และ Apple ล้วนแล้วแต่กำลังลงทุนลงแรงไปกับการพัฒนาอุปกรณ์แบบใหม่ที่ใช้สวมใส่บนใบหน้า ซึ่งคาดว่ามันจะเป็นสิ่งที่จะเข้ามาแทนที่การทำงานของสมาร์ทโฟน สิ่งนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างก็บอกว่าคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งยังไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ตอนนี้แว่นตาอัจฉริยะล้วนแล้วแต่มีขนาดใหญ่และราคาก็แพงเกินกว่าจะจับต้องได้ ต้องรอให้มีการพัฒนาเรื่องขนาดและราคาให้เล็กลงจึงจะได้รับความนิยม หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงจะคล้ายกับในยุคเริ่มต้นของโทรศัพท์มือถือ ที่รุ่นแรกๆ มีขนาดใหญ่มากแล้วค่อยๆ มีการพัฒนาจนเป็นขนาดพกพาได้ง่ายในปัจจุบัน Microsoft กำลังทำการพัฒนาชุดหูฟัง HoloLens 2 ซึ่งเปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นยังมีการทดสอบการทำงานในกองทัพบกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรบให้กับทหาร Apple จะเริ่มวางจำหน่ายในปี 2022 ซึ่งเป็นชุดหูฟังเสมือนจริง Oculus Quest นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดตัวรุ่นที่เล็กกว่าที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งวันแทนที่จะเป็นเพียงอุปกรณ์สวมใส่เฉพาะภายในบ้าน Amazon แม้ยังไม่ได้เป็นผู้นำในการแข่งขันในสนามนี้ แต่ตอนนี้ก็มี Echo Frames ที่เป็นแว่นตาที่ทำการติดตั้งลำโพงและผู้ช่วยส่วนตัวเข้าไปในนั้น มันคือ Alexa ฉบับย่อ ปิดท้ายด้วย Google ที่ทำการออกตัวเรื่องนี้ก่อนใครตั้งแต่ปี 2012 แต่เหมือนว่ามันจะเป็นการพัฒนาที่เร็วเกินไป จนคนตามไม่ทัน อาจจะต้องทำการปรับปรุงด้านการออกแบบอีกสักระยะ ถึงจะได้เวลาของแว่นอัจฉริยะ แต่ยักษ์ใหญ่ทุกรายที่กล่าวมาก็ยังเชื่อมั่นและมุ่งทำการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะกันอย่างต่อเนื่อง อ้างอิง: https://nypost.com/2019/11/12/big-tech-racing-to-replace-smartphones-with-smart-glasses/

Tesla กำลังจะสร้าง Gigafactory 4 ในพื้นที่ของกรุงเบอร์ลิน

Elon Musk ยืนยันว่า Tesla กำลังจะสร้าง Gigafactory 4 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในพื้นที่ของกรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมนี Elon Musk ได้พูดคุยเกี่ยวกับโรงงานผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์เทสลาอย่างเต็มรูปแบบในยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว หลายประเทศในยุโรปได้ยื่นข้อเสนอเพื่อดึงดูดเทสลาเข้าสู่ประเทศของพวกเขา เดิมทีเทสลามีแผนที่จะตั้งโรงงานในยุโรปตั้งแต่ปี 2017 แต่มันก็ยังไม่เกิดขึ้น จนเมื่อปีที่ผ่านมา Musk กล่าวว่าเยอรมนีเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการตั้งโรงงานในยุโรป และเขายังระบุด้วยว่าเยอรมันคือจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับตลาดในยุโรป แล้วเขาก็กล่าวถึง Gigafactory 4 ว่า เทสลาได้เลือกพื้นที่ในเบอร์ลินสำหรับการสร้างโรงงานแห่งใหม่ ถ้าไม่ผิดแผนมันจะอยู่บนพื้นที่ใกล้กับสนามบินเบอร์ลินแห่งใหม่ นอกจากนี้พวกเขายังวางแผนที่จะทำเป็นศูนย์ออกแบบทางด้านวิศวกรรมในกรุงเบอร์ลินอีกด้วย หลังจากทำการปักหมุดแล้ว ต่อไปก็คนจะเป็นงานก่อสร้างที่น่าจะใช้เวลา 12-18 เดือน ช่วงนี้เทสลาก็กำลังมองหาคนที่สนใจทำงานโรงงานในยุโรปที่จะเปิดในอนาคตอันใกล้ Gigafactory 4 น่าจะพร้อมก่อนสิ้นปี 2021 อ้างอิง: https://electrek.co/2019/11/12/tesla-gigafactory-4-berlin-germany/

เครื่องพิมพ์ 3 มิติจะสามารถสร้างสเต็กที่สมบูรณ์แบบได้ในไม่ช้า

คาดว่าในต้นปี 2020 สเต็กเนื้อและไก่ที่ทำการพิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จะกลายเป็นหนึ่งในเมนูของร้านอาหารยุโรป และในปีต่อไปคุณก็อาจจะได้พิมพ์เนื้อกินเองในบ้าน บริษัท Redefine Meat ที่อยู่ในอิสราเอล ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้างการพิมพ์เนื้อและผลิตภัณฑ์ไก่ที่มีเนื้อสัมผัสและรสชาติเหมือนเนื้อและไก่จริงๆ แต่ทั้งหมดทำขึ้นมาจากโปรตีนจากพืชล้วนๆ แน่นอนว่าต่อจากนี้ไปเราอยากได้สเต็กเนื้อหรือไก่ก็สั่งให้เครื่องพิมพ์จัดการให้ จากข้อมูลของ Redefine Meat ทางเลือกของเนื้อสัตว์เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มอาหาร และคาดว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าถึง 140,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2030 Redefine Meat คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ของพวกเขาในร้านอาหารยุโรปในต้นปี 2020 หลังจากนั้นอีกไม่เกิน 2 ปี เครื่องพิมพ์ 3 มิติสำหรับพิมพ์เนื้อก็จะเริ่มวางขายให้ใช้ตามบ้านได้ โดยเครื่องพิมพ์จะใช้แคปซูลถั่ว และข้าวในการพิมพ์สเต็กเนื้อหรือไก่ ในอนาคตก็จะมีแคปซูลปลาแซลมอนขึ้นมาเพิ่มเติม ถึงเวลาที่พวกเราจะสั่งพิมพ์เนื้อกันจริงๆ แล้ว อ้างอิง: https://www.techradar.com/news/a-3d-printer-could-soon-produce-the-perfect-steak-at-home

วงการแพทย์อินเดียพัฒนาไกล ใช้ AI ช่วยวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก

ปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกได้พรากชีวิตผู้หญิงในอินเดียราว 67,000 คน/ปี นับว่ามากกว่า 25% ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก ซึ่งหากมีการตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ อาจพบความผิดปกติก่อนเกิดอาการขั้นวิกฤต ทำให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที แต่เนื่องจากมีผู้เข้ารับการตรวจเป็นจำนวนมาก และต้องใช้เวลาไม่น้อยในการตรวจคัดกรองเซลล์มะเร็ง ดังนั้นหากมีเครื่องมือช่วยตรวจคัดกรองที่เร็วขึ้นก็จะมีโอกาสช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากขึ้น Microsoft และ SRL Diagnostics (บริษัทตรวจวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาและรังสีวิทยาในอินเดีย) จึงได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมระบบ AI ช่วยในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยทีมงานได้ฝึกให้ AI ตรวจจับจุดนับพันจากภาพการตรวจภายในเพื่อหาสัญญาณของโรคมะเร็ง ซึ่งจะช่วยตรวจจับความผิดปกติรวมถึงตัวอย่างก่อนเกิดมะเร็ง และเพื่อความมั่นใจจะมีทีมแพทย์ช่วยตรวจดูสไลด์ภาพที่มีพบความผิดปกติเหล่านั้นอย่างถูกต้อง ในทุกปี SRL จะได้รับตัวอย่างของการตรวจคัดกรองมากกว่า 100,000 ราย ซึ่งมี 98% ที่ปกติ ดังนั้น AI จะมีส่วนช่วยแพทย์ในการตรวจจับ 2% ของตัวอย่างที่มีปัญหา ทำให้สตรีที่พบความผิดปกติก่อนเกิดมะเร็งได้เข้ารับการรักษาเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยร่นระยะเวลาการทำงานของแพทย์ในอินเดียและประเทศอื่น ๆ ที่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ที่มา : engadget.com

Apple Watch ครองอันดับ 1 ส่วนแบ่งทางการตลาด Smart Watch ทิ้งคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น

การเปิดเผยข้อมูลส่วนแบ่งทางการตลาดในไตรมาส 3/2019 ของอุปกรณ์ Smart Watch พบว่า อุปกรณ์ Apple Watch ของ Apple สามารถสร้างยอดขายได้ 6.8 ล้านเครื่อง ตามรายงานของ Strategy Analytics บริษัทวิจัยทางการตลาด เปิดเผยข้อมูลว่าในไตรมาส 3/2019 อุปกรณ์ Apple Watch สามารถสร้างยอดขายทั่วโลกได้ 6.8 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับช่วงเวลากันกับปีที่ผ่านมา ที่ขายได้ 4.5 ล้านเครื่อง จากที่กล่าวมาจึงทำให้ Apple Watch เป็นอุปกรณ์ที่ครองส่วนแบ่งในตลาด Smart Watch มาเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 47.9 ทิ้งอันดับ 2 อย่าง Samsung ที่สร้างยอดขายได้ 1.9 ล้านเครื่อง คิดเป็นร้อยละ 13.4 ส่วนอันดับ 3 คือ Fitbit […]

Google วางแผนที่จะตีตราให้กับเว็บไซต์ที่โหลดช้าใน Chrome บราวเซอร์

Google กำลังทดลองใช้การตีตราสำหรับเว็บไซต์ที่โหลดช้า ในอนาคต Chrome อาจระบุความเร็วของเว็บไซต์โดยมีการแสดงเครื่องหมายเร็วหรือช้าให้เห็นอย่างชัดเจน การดำเนินการนี้อาจมีหลายรูปแบบ และทางทีมพัฒนากำลังวางแผนที่จะทดสอบด้วยตัวเลือกที่แตกต่างกันเพื่อกำหนดว่าสิ่งใดมอบคุณค่าสูงสุดแก่ผู้ใช้งาน ป้ายสถานะแบบใหม่อาจปรากฏขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในหน้าเว็บ โดย Google จะดูจากเวลาในการตอบสนองของการโหลดหน้าเว็บ เว็บที่มีการโหลดช้าเป็นประจำจะถูกติดป้ายเอาไว้ว่าเป็นเว็บโหลดช้า Google กำลังทดลองใช้กับหน้าจอตอนที่ทำการโหลด เพื่อเตือนผู้ใช้ Chrome ด้วยการแสดงสีในแถบความคืบหน้าของการโหลด โดยจะปรากฏสีเขียวหากเว็บไซต์นั้นเร็ว และอาจจะเป็นสีแดงหากเว็บไซต์นั้นช้า ตอนนี้ทีมพัฒนาของ Chrome กำลังเก็บข้อมูลและหารูปในการแสดงผลที่เหมาะสมอยู่ ยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าระบบตีตราเว็บที่โหลดช้าแบบใหม่นี้จะถูกนำมาใช้งานเมื่อไร เพราะ Google ใช้คำว่า “อาจ” เท่านั้นในการกล่าวถึงเรื่องนี้ อ้างอิง: https://www.theverge.com/2019/11/11/20959865/google-chrome-slow-sites-badge-system-chrome-dev-summit-2019

GivePower สุดเจ๋ง ใช้โซล่าเซลล์เปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืดในเคนย่า

“น้ำ” ถือเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของโลก แต่ปัจจุบันยังมีคนขาดแคลนน้ำกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด และปัญหานี้กำลังทวีคูณขึ้นจนหลายคนคาดว่า ในอนาคตปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่มอาจกลายเป็นวิกฤตของคนทั่วโลก จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีช่วยสร้างน้ำสะอาดที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรไม่แสวงผลกำไร Give Power ได้ทำโรงบำบัดน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโรงแยกเกลืออกจากน้ำ (solar powered desalination plant) ในเมือง Kiunga ประเทศ Kenya เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จ โดยสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) ช่วยแปลงน้ำเค็มจากมหาสมุทรอินเดียเป็นน้ำดื่มสะอาดที่ประชาชนสามารถดื่มได้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อกลาง 2018 ที่ผ่านมา ขณะนี้มันสามารถผลิตน้ำจืดได้ถึง 19,800 แกลลอน หรือ 75,000 ลิตร ซึ่งเพียงพอสำหรับ 35,000 คนต่อวัน และแม้จะมีหลายคนใส่ใจและต้องการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าประชากรกว่าครึ่งโลกจะเผชิญปัญหานี้อย่างหนักในปี 2025 ที่มาและภาพ : bigthink.com

แอปฯ จากจีนพาเหรดฟันรายได้เป็นกอบเป็นกำจากผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่าหลายร้อยล้านเหรียญ

แอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาจากจีนสามารถสร้างรายได้หลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผู้ใช้ชาวอเมริกา แม้ว่าตอนนี้จะต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากทางการสหรัฐฯ ในเรื่องความกังวลด้านความมั่นคงก็ตาม ตามรายงานของ Sensor Tower ที่เปิดเผยข้อมูลกับ CNBC ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 แอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยบริษัทจีน หรือมีการลงทุนจากนักธุรกิจชาวจีน สามารถทำรายได้ไปถึง 745 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผู้ใช้ชาวอเมริกา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22 ของรายได้ทั้งหมด 3.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของแอปพลิเคชัน 100 อันดับที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด สำหรับแอปพลิเคชันที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดบน Apple Store และ Play Store พบว่ามีแอปพลิเคชันเข้ามาติดอันดับจำนวน 25 อันดับ จากทั้งหมด 100 อันดับ นอกจากนี้การใช้จ่ายของผู้ใช้แอปพลิเคชันก็พบว่าเพิ่มชึ้นร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชันจากจีนยังคงสร้างรายได้ให้กับผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ที่ยังไม่ได้บทสรุป อีกทั้ง แอปพลิเคชันจากจีนยังถูกหน่วยงานของสหรัฐฯ เพ่งเล็งว่าอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น แอปฯ TikTok ที่ถูกเรียกร้องให้มีการตรวจสอบจากวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ […]

ตูนิเซียกลายเป็นประเทศแรกที่ออกเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง

ตูนิเซียได้ประกาศการเปิดตัวเงินดิจิทัลชื่อว่า “E-dinar” ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นประเทศแรกที่เปิดตัวเงินดิจิทัลที่ดูแลโดยธนาคารกลาง หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) สื่อต่างประเทศ TASS รายงานว่ารัฐบาลของประเทศตูนิเซียได้ร่วมมือกับ Universa บริษัทสตาร์ทอัพของรัสเซียเพื่อทำการเปิดตัวเงินดิจิทัล โดยจะเป็นการนำเอาเงินสกุลดีนาร์ของประเทศตูนีเซียมาเปลี่ยนรูปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ในขณะที่คนทั้งโลกคาดหวังเอาไว้ว่า จีนจะเป็นประเทศแรกที่ออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง การขยับตัวของตูนิเซียครั้งนี้ไม่ใช่การออกสกุลเงินดิจิทัลใหม่ แต่มันเป็นเพียงการเงินสกุลเดิมที่ชื่อว่า Dinar แปลงเป็นเงินในระบบดิจิทัลแล้วใช้ชื่อว่า “E-dinar” เท่านั้น ประชาชนจะสามารถใช้ E-Dinar ได้ที่ร้านค้ากาแฟและร้านอาหารหลายพันแห่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ยังสามารถใช้ซื้อสินค้าทางออนไลน์และตู้อัตโนมัติในประเทศได้อีกด้วย ตูนิเซียเริ่มต้นก้าวเข้าสู่เงินดิจิทัลก่อนใคร ในขณะที่ประเทศน้อยใหญ่ทั่วโลกกำลังพิจารณาเรื่องนี้กันอยู่อย่างจริงจัง ส่วนประเทศไทยก็อยู่ในกลุ่มที่กำลังทำการศึกษาเรื่องนี้อยู่เช่นกัน อ้างอิง: https://beincrypto.com/tunisia-becomes-first-country-to-issue-a-central-bank-digital-currency/

เกาหลีผุดไอเดีย ปลั๊กพลังงานแสงอาทิตย์ แค่ติดหน้าต่างก็ชาร์จไฟได้

Gadget ใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคดิจิทัล เมื่อดีไซเนอร์เกาหลีออกแบบปลั๊กไฟพลังงานแสงอาทิตย์ แค่ติดหน้าต่างก็ชาร์จไฟได้ แถมมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก ที่คุณสามารถชาร์จเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ง่าย ๆ เพียงแปะมันไว้ที่หน้าต่าง Kyuho Song และ Boa Oh ผู้จบการศึกษาด้านดีไซน์จาก The Samsung Art and Design Institute ใน Seoul ได้ออกแบบปลั๊กพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นมา ซึ่งด้านหนึ่งเป็นแผงโซลาร์ อีกด้านเป็นรูเสียบปลั๊กที่สามารถชาร์จเครื่องมือของคุณได้ เพียงแค่แปะมันไว้บนหน้าต่างใสหรือพื้นผิวแก้ว แผงโซลาร์อันเล็กนั้นจะแปลงพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่และปลั๊ก โดยใช้เวลา 5-10 ชั่วโมงในการชาร์จให้เต็ม อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันสามารถกักเก็บได้เพียง 1,000 mAh ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการชาร์จโทรศัพท์ โดย Song และ Oh หวังจะพัฒนาอุปกรณ์ต่อไป เพื่อเพิ่มความสามารถในการกักเก็บพลังงานและให้ชาร์จได้เร็วขึ้น หากอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถพัฒนาได้จนมีความสามารถกักเก็บพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก และสามารถผลิตพลังงานใช้ได้อย่างยั่งยืน จะถือเป็นนวัตรกรรมที่ดีต่อโลกอันนึงเลยทีเดียว ที่มา : interestingengineering.com

สื่อสังคมออนไลน์ ไล่ลบคอนเทนต์ที่ระบุชื่อผู้แจ้งเบาะแสคดีถอดถอน “ทรัมป์”

เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า กำลังดำเนินการลบคอนเทนต์ที่ระบุถึงชื่อบุคคลที่อาจเป็นผู้ชี้เบาะแสที่นำไปสู่การไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ โฆษกของเฟซบุ๊กระบุในแถลงการณ์ว่า การกล่าวถึงชื่อบุคคลที่อาจเป็นผู้แจ้งเบาะแสในคดีการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์นั้น ถือเป็นการละเมิดนโยบายของเฟซบุ๊กซึ่งห้ามไม่ให้มีการโพสต์คอนเทนต์ที่เปิดเผยชื่อพยาน, ผู้ให้ข้อมูล หรือนักเคลื่อนไหว เฟซบุ๊กกำลังทำการลบคอนเทนต์ที่ระบุชื่อของผู้แจ้งเบาะแส และจะทบทวนการตัดสินใจนี้อีกครั้ง หากชื่อของพวกเขาถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อ หรือถูกใช้โดยบุคคลสาธารณะในการอภิปราย ส่วนโฆษกของยูทูบกล่าวว่า บริษัทจะทำการลบวิดีโอที่ระบุถึงชื่อผู้แจ้งเบาะแส โดยจะใช้การผสมผสานระหว่างการตรวจสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และการตรวจสอบโดยมนุษย์เพื่อกำจัดคอนเทนต์เหล่านั้น ด้านปธน.ทรัมป์ระบุว่า ผู้ที่แจ้งเบาะแสเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวหาว่า เขาพูดคุยกับประธานาธิบดียูเครนอย่างไม่เหมาะสมนั้น ควรได้รับการเปิดเผยชื่อ และถูกสอบสวนอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ผู้แจ้งเบาะแสรายหนึ่งได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งกล่าวหาว่าปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และคู่แข่งของปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า และนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย เกี่ยวกับบริษัทก๊าซแห่งหนึ่งในยูเครนที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวนายฮันเตอร์และเป็นบริษัทที่สงสัยว่ามีการทุจริต นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่มีการยื่นคำร้องดังกล่าว เพราะการกระทำดังกล่าวถูกมองว่า เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย อ้างอิง: https://edition.cnn.com/2019/11/08/tech/facebook-whistleblower-name/index.html

โลจิสติกส์ยุคดิจิทัลต้องใช้โรบอท เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

ปัจจุบันระบบออโตเมชั่นกำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมการทำงานของมนุษย์ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรไม่ได้เป็นแค่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย ซีทีไอ โลจิสติกส์ ทำความร่วมมือกับบริษัทฟูจิซีร็อกซ์ นำเอาเทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) มาใช้ในการทำงาน ซึ่ง RPA ถือว่าเป็น Technology ใหม่อันดับต้นๆ ที่มาแรงในยุคดิจิทัล โดยเป็นหุ่นยนต์ที่อยู่ในรูปแบบของซอฟต์แวร์ เหมาะสำหรับการทำงานอะไรที่ต้องทำซ้ำๆ ต้องการความถูกต้องและรวดเร็ว อย่างงานด้านการป้อนข้อมูลเข้าระบบและงานบัญชี ซึ่งงานเหล่านี้ปัจจุบันยังถูกทำโดยมนุษย์เป็นส่วนมาก และพบว่ายังมีข้อผิดพลาดอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นทางบริษัทจึงเห็นว่า RPA สามารถเข้ามาสนับสนุนการทำงานในส่วนนี้ได้ เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้ การนำ RPA มาใช้จะช่วยให้พนักงานมีเวลาไปทำงานในเชิงคิดวิเคราะห์ หรือทำงานอื่นที่เพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรได้มากขึ้น ปัจจุบันอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต เป็นรากฐานสำคัญ ของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เป็นกลไกที่ส่งผ่านมูลค่าของสินค้าและบริการจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค การบริการขนส่งและกระจายสินค้าทำให้โลจิสติกส์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ที่ไทยจะชิงความได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งของประเทศ ซึ่งอยู่ในจุดภูมิศาสตร์อันเป็นศูนย์กลางที่พร้อมจะพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็นฮับโลจิสติกส์ของอาเซียน หากจะกล่าวถึงเรื่องของการขนส่งและโลจิสติกส์นั้น ต้องถือว่ามีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ในขณะเดียวกันทั่วโลกก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์เช่นกัน การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ที่เปลี่ยนแปลงระบบการขนส่งสินค้า นำมาซึ่งการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรง ทำให้บริษัทที่ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งความสามารถในการแข่งขัน ในขณะที่ต้องพยายามลดต้นทุนนั้น ความต้องการของลูกค้าก็มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจแต่ละประเภทมีความต้องการหรือรูปแบบในการดำเนินงานที่แตกต่างกันไป จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งที่จะต้องตามให้ทันความต้องการที่หลากหลายไปพร้อมๆกับลดต้นทุนในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันใครสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว […]

สาวก Apple พร้อม AirPods Pro เปิดจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว

ก่อนหน้านี้ Apple ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างหูฟัง AirPods Pro พร้อมกับวางจำหน่ายไปแล้วในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง แต่ยังไม่ถือคราวของประเทศไทยสักที ล่าสุด หูฟัง AirPods Pro ถึงเวลาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยสาวก Apple ที่สนใจสามารถเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ Apple Store Online ได้แล้วตอนนี้ในราคา 9,490 บาท สำหรับ AirPods Pro รุ่นใหม่ของ Apple นี้ จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ซึ่งสามารถปรับการทำงานได้อย่างต่อเนื่องให้เข้ากับรูปทรงภายในหูของผู้ใช้ และกระชับจุกหูฟัง จึงช่วยบล็อคเสียงจากโลกภายนอก เพื่อให้โฟกัสกับสิ่งที่กำลังฟัง ด้านคุณภาพเสียงของ AirPods Pro จะมาในรูปแบบ EQ ที่ปรับเสียงเพลงให้เหมาะสมกับรูปทรงภายในหูของผู้ใช้อัตโนมัติ เพื่อประสบการณ์ที่เต็มอิ่ม และเหมือนเดิมเสมอทุกครั้งที่ฟัง ทั้งนี้ หูฟัง AirPods ถือว่าเป็นสินค้าทำรายได้ให้กับ Apple โดยสามารถขายได้ถึง 59 ล้านคู่ คิดเป็นมูลค่า […]

Ralph Lauren เปิดตัว QR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในซัพพลายเชน และต่อสู้กับสินค้าปลอม

Ralph Lauren จะเพิ่มวิธีการติดตามสินค้าโปโลทั้งหมดในซัพพลายเชน ด้วยระบบระบุตัวตนแบบดิจิทัล ก่อนจะขยายผลไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นอีกหลายตัว ผู้ผลิตจะเย็บแท็ก QR ที่เป็นผ้าในตำแหน่งที่ติดแท็กของตัวแบรนด์ และนี่คือข้อมูลทางดิจิทัลที่สามารถรู้ได้ตั้งแต่ข้อมูลสินค้า ส่วนประกอบ และเทคนิคในการใช้สินค้า โดยผู้บริโภคสามารถสแกน QR เพื่อรับข้อมูลต่างๆ ของสินค้าตัวนั้น ด้วยวิธีการนี้ Ralph Lauren จะสามารถจัดการสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น รวมถึงทำการปรับปรุงการกระจายสินค้าให้ดีขึ้นด้วย เทคโนโลยีนี้เป็นแบบเดียวกันกับที่แบรนด์ค้าปลีกระดับโลกใช้กันในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องประดับ แต่นี่เป็นการนำมาใช้ครั้งแรกในอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งผลิตของสินค้าที่ถูกต้องได้ ปัญหาการปลอมแปลงจะลดลงด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว เพราะหากเป็นสินค้าจริงการสแกน QR จะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง หากเป็นสินค้าเรียนแบบข้อมูลจะไม่ถูกต้อง ซึ่งการเลียนแบบ QR นั้นทำได้ยาก และไม่คุ้มค่าในการลงทุนของสินค้าเลียนแบบ นอกจาก QR ของ Ralph Lauren จะทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความถูกต้องแล้ว ยังทำให้การติดตามเสื้อผ้าจากผู้ทำการผลิตได้อีกด้วย บริษัทจะมองเห็นถึงประสิทธิภาพของโรงงานในเวลาของการส่งมอบงานที่ตรงเวลา นอกจากนี้ Ralph Lauren ยังมีความมุ่งมั่นในเรื่องของวัตถุดิบที่นำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาฝ้ายชนิดพิเศษ และโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% มาเป็นส่วนประกอบในสินค้าภายในปี 2568 ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้สามารถตรวจสอบวัสดุที่นำมาใช้ทำเสื้อผ้าได้อย่างใกล้ชิด นี่ถือว่าเป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาการผลิตอย่างแท้จริง อ้างอิง: https://www.supplychaindive.com/news/ralph-lauren-traceability-system-supply-chain-visibility/566593/

อเมซอนทุ่ม 1,200 ล้าน ลงทุนพัฒนาศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์ของตัวเอง

อเมซอนประกาศแผนที่จะลงทุน 1,200 ล้านบาท ในศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์บนพื้นที่ขนาด 350,000 ตารางฟุตแห่งใหม่ใน Westborough และ Massachusetts กำหนดเปิดตัวในปี 2021 ศูนย์กลางนวัตกรรมหุ่นยนต์ของอเมซอน จะมีห้องปฏิบัติการและพื้นที่เพื่อทดสอบการทำงานของหุ่นยนต์ รวมถึงการออกแบบและสร้างโปรแกรมสำหรับหุ่นยนต์ที่จะถูกนำไปใช้ในส่วนต่างๆ ของบริษัท อย่างไรก็ตามอเมซอนไม่ได้ระบุประเภทของหุ่นยนต์ที่จะทำการพัฒนา แต่บอกเพียงว่าจะพัฒนาหุ่นยนต์ให้เน้นไปที่การแก้ปัญหาเรื่องของการดำเนินงานและการข่นส่ง ดูเหมือนว่าอเมซอนจะทำการเติมหุ่นยนต์เข้าไปในส่วนต่างๆ ของการทำงานมากขึ้น คลังสินค้าหลายสิบแห่งที่เคยใช้หุ่นยนต์ที่ต้องทำงานร่วมกับคน หรือที่เรียกว่า Cobots ก็ถูกลดจำนวนลง และมีการเพิ่มสัดส่วนของการใช้งานหุ่นยนต์เข้าไปอย่างต่อเนื่อง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่า ด้วยเครื่องดูดสูญญากาศและที่จับอันอ่อนนุ่มทำให้หุ่นยนต์สามารถจับสิ่งของที่มีความบอบบางอย่างขนมอบโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้เลย ทำให้หุ่นยนต์ได้รับความไว้วางใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การใช้งานหุ่นยนต์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในคลังสินค้าเท่านั้น การส่งมอบของถึงประตูบ้านก็เริ่มใช้หุ่นยนต์ในการส่งมอบแล้ว และกำลังจะใช้หุ่นยนต์ส่งมอบของในระยะทางที่ไกลมากขึ้น การลงทุนอย่างจริงจังด้านนี้แสดงให้เห็นว่าอเมซอนต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของการจัดส่งอย่างแท้จริง อ้างอิง: https://www.supplychaindive.com/news/amazon-invest-40m-robotics-hub/566736/

5G ยังไม่พอ! จีนไม่รอแล้วประกาศเดินหน้าพัฒนา 6G ต่อ

ตามรายงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนประกาศจัดตั้ง 2 หน่วยงานเพื่อพัฒนาโครงข่าย 6G สร้างการแข่งขันในการบริการข้อมูลให้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นต่อไป กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน เผยถึงเรื่องนี้ว่า จะมีการจัดตั้งศูนย์วิจัย 2 แห่ง เพื่อรองรับการพัฒนาโครงข่าย 6G พร้อมทั้งร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ จาก มหาวิทยาลัย, สถาบันวิจัย และผู้ประกอบการเข้ามาเสนอแนะกำหนดนโยบาย ด้าน Wang Xi รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน กล่าวว่า ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของทั่วโลกในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการสำรวจ โดยทางกระทรวงฯ จะวางแผนทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับพัฒนาเครือข่าย 6G เพื่อให้กลายเป็นมาตรฐานของเทคโนโลยีโลกต่อไป ที่มา: chinadaily เรื่องที่เกี่ยวข้อง จีนเปิดตัวเครือข่าย 5G ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หางโจว เร่งพัฒนาสู่การเป็นเมืองนวัตกรรมชีวการแพทย์ระดับโลก

หางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน กำลังเร่งเดินหน้าสร้างเมืองหางโจวยกระดับให้กลายเป็นเมืองนวัตกรรมชีวการแพทย์ระดับโลก เช่นเดียวกับเมืองบอสตัน โดยเป้าหมายนี้บ่งชี้ให้เห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพการพัฒนาของเมืองหางโจวในภาคอุตหกรรมชีวการแพทย์ สำหรับเขตใหม่เฉียนถังจะถูกสร้างให้เป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมการแพทย์ที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในเมืองหางโจว โดยรองรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวเวชระดับไฮเอ็นด์ ขณะที่เขตเทคโนโลยีขั้นสูงหางโจวจะเน้นไปที่การสร้างภาคธุรกิจการแพทย์อัจฉริยะ ส่วนเขตหยูฮังจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒาภาคธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์ โครงสร้างอุตสาหกรรมประกอบไปด้วยการวิจัยและพัฒนายาใหม่ อุปกรณ์การแพทย์ และข้อมูลการแพทย์ ได้เริ่มปรากฏให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วในหางโจว ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ในเมืองหางโจว ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันมีวิสาหกิจทางการแพทย์กว่า 1,000 แห่งได้ก่อตัวขึ้นแล้วในเมือง นอกจากนี้ บริษัทชีวการแพทย์ 1,003 แห่งได้ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่ในเมืองในปี 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 8.569 พันล้านหยวนเพิ่มขึ้น 39.11% และ 33.37% เมื่อเทียบเป็นรายปีตามลำดับ แม้หางโจวกำลังก้าวสู่การเป็นต้นน้ำของห่วงโซ่อุตสาหกรรม แต่ก็ยังคงตามหลังเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ในแง่ของการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานส่งเสริมการลงทุนหางโจวเผยว่า การพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมของอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ ทำให้หางโจวยังคงจำเป็นที่จะต้องยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและเร่งสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรม รวมถึงผลักดันการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องให้เร็วขึ้น

Mi Watch ดูยังไงก็คล้ายแอปเปิล แต่ราคาไม่ถึง 6,000 บาท

สมาร์ทวอทช์ตัวใหม่ของ Xiaomi ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Google Wear มาพร้อมการออกแบบหน้าตาที่แลดูคล้าย Apple Watch แต่ราคาต่างกันเยอะ เพียงแค่เห็น Mi Watch ตัวใหม่ครั้งแรก ก็สังเกตเห็นความคล้ายคลึงทางกายภาพกับสมาร์ทวอทช์ของ Apple มันมาพร้อมหน้าจอสัมผัสทรงสี่เหลี่ยมโค้งมน มีปุ่มหมุนได้อยู่ด้านข้าง ดูผ่านๆ อาจจะเข้าใจผิดกันได้ง่ายๆ Mi Watch มีหน้าจอ AMOLED 1.78 นิ้ว ความละเอียด 326 ppi ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 570mAh ซึ่ง Xiaomi อ้างว่าสามารถใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Qualcomm Snapdragon Wear 3100 หน่วยความจำ RAM 1GB พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 8GB นอกจากนี้มาพร้อมด้วย Wi-Fi, Bluetooth และ NFC รองรับการทำงานของการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และ eSIM การเปิดตัวด้วยฟังก์ชั่นด้านสุขภาพหลายอย่างซึ่ง Xiaomi […]

Coca-Cola ขยายการใช้งาน Blockchain สู่พันธมิตรมากกว่า 70 ราย

ดูเหมือนบริษัทไอทีที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการผลิตขวดของ Coca-Cola จะติดใจความสามารถของเทคโนโลยี Blockchain เข้าให้แล้ว เร่งขยายการใช้งานสู่ 70 พันธมิตรที่ทำการผลิตขวด เพื่อรองรับจำนวนการผลิต 160,000 ขวดต่อวัน Coke One North America (CONA) กล่าวว่าโครงการนำร่องนี้เป็นการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ SAP โดยเพิ่มจำนวนการใช้งานจาก 2 ไป 70 โรงงาน โดยโครงการที่นำ Blockchain มาใช้สัญญาว่าจะปรับปรุงเรื่องการกระจายสินค้าสำหรับผู้เข้าร่วมได้ เนื่องจากผู้ผลิตทั้งหมดสามารถเข้าถึงความต้องการในการสั่งซื้อได้ทันที ตัวอย่างเช่นหากผู้ผลิตขวดมีสต๊อกเพียงพอสำหรับคำสั่งที่ปรากฏในเครือข่าย จะมีตัวเลือกสำหรับการเติมเต็มจำนวนที่ขาด การที่ผู้ผลิตสามารถเข้าถึงความต้องการได้ทันทีจะช่วยลดปัญหาที่เกิดจากยอดการสั่งซื้อขวด ที่เคยล่าช้าในหนึ่สสัปดาห์เหลือเพียงไม่กี่วัน “ระบบการทำงานเดิมมีจำนวนธุรกรรมที่ต้องทำข้ามบริษัทจำนวนมาก มีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การทำงานผ่านตัวกลาางมีความล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ เรารู้ว่าการนำเอา Blockchain เข้ามาจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้” ผู้จัดการอาวุโสของ Coke One North America กล่าว ทางด้าน PepsiCo ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของ Coca-Cola ได้ทำการใช้เทคโนโลยี Blockchain แล้วเช่นกัน บริษัทกล่าวว่าหลังจากเริ่มใช้งานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มมากขึ้น 28% อ้างอิง: https://www.coindesk.com/coca-cola-supply-chain-firm-to-expand-blockchain-effort-to-70-partners

มทร.ธัญบุรี สร้างชื่อ เอกชนญี่ปุ่นขอซื้อลิขสิทธิ์ “เครื่องผลิตฟองอากาศขนาดเล็กในน้ำ” ทำสเปรย์น้ำแร่ฮอกไกโด

เอกชนญี่ปุ่นขอซื้อลิขสิทธิ์ “เครื่องผลิตฟองอากาศขนาดเล็กในน้ำ” ซึ่งเป็นผลงานของอาจารย์ มทร.ธัญบุรี เพื่อทำสเปรย์น้ำแร่ฮอกไกโด ผศ.ดร.สรพงษ์ ภวสุปรีย์ อาจารย์สาขาวิศวกรรมวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมกับศิษย์เก่าของคณะ และภาคเอกชนช่วยกันออกแบบสร้างเครื่อง “ผลิตฟองอากาศขนาดเล็กในน้ำ” หรือนาโนไมโครบับเบิ้ลเพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพการเร่งปฏิกิริยาโดยใช้แสง สู่การผลิตสเปรย์น้ำแร่จากฮอกไกโด และผลิตภัณฑ์สเปรย์ดับกลิ่นรองเท้าจากน้ำแร่ไทย ซึ่งเครื่อง“ผลิตฟองอากาศขนาดเล็กในน้ำ” นี้ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ “Fine Bubbles Technology” เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต โดยการทำให้เกิดน้ำฟองอากาศนาโน คือ น้ำที่มีฟองอากาศขนาดเล็กระดับนาโน/ไมโครเมตร ซึ่งตนได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University) ประเทศญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ในงานวิจัย โดยได้ออกแบบสร้างเครื่อง และทดลองผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีการเตรียมฟองอากาศขนาดเล็กในน้ำ เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่งในน้ำมีออกซิเจนมากเมื่อนำน้ำมาใช้กับร่างกายส่วนใดก็จะเกิดผลดี โดยเฉพาะกับผิวพรรณ ผศ.ดร.สรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเครื่องผลิตฟองอากาศขนาดเล็กในน้ำ จะมีกระบวนการช่วยควบคุมค่าปริมาณออกซิเจนให้เพิ่มขึ้นได้ 1 – 7 เท่าของวัตถุดิบน้ำตั้งต้น มีขนาดของฟองอากาศระดับนาโน ซึ่งขณะนี้ตนได้จดสิทธิบัตรเครื่องผลิตฟองอากาศขนาดเล็กในน้ำไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในนามของ […]

Google เตรียมทำให้ Chrome พร้อมสำหรับงาน VR

ระบบ VR มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงมีการใช้งานอยู่ในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เฉพาะกลุ่ม แต่ต่อจากนี้ไปทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อบราวเซอร์ Chrome รุ่นใหม่ของ Google จะสนับสนุนการเล่น VR บนเว็บ เบต้าเวอร์ชันของ Chrome 79 มีการเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการรองรับประสบการณ์เสมือนจริงบนเว็บ (VR) นักพัฒนาสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีเนื้อหารวมถึงเกมวิดีโอแบบ 360 องศาที่สมจริงได้ โดยใช้ WebXR Device API พร้อมด้วยตัวควบคุมที่รองรับโดย GamePad API ทำให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลบนสมาร์ทโฟนและบนจอแสดงผลแบบสวมใส่ได้ คาดว่าความสามารถในการสนับสนุนเนื้อหา VR บนเว็บไซต์ จะถูกส่งถึงบราวเซอร์ที่ใช้แกนหลักจากตระกูล Chromium ในไม่ช้า นั่นหมายถึง Firefox Reality, Oculus Browser และ Edge ของไมโครซอฟท์ อีกไม่นานบราวเซอร์อื่นๆ จะรองรับคุณสมบัติความเป็น VR ไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ใน Chrome 79 ซึ่งก็คือการหยุดการทำงานของแท็บซึ่งเป็นหน้าเว็บที่เปิดทิ้งไว้ในพื้นหลังเป็นเวลานานกว่า 5 นาที หากไม่ใช่การเล่นวิดีโอหรือเล่นเพลงแท็บดังกล่าวจะถูกระงับเพื่อคืนหน่วยความจำให้กับระบบ ตัดปัญหาการทำงานล่าช้าของ Chrome […]

Urban Revivo ห้องเสื้อสุดล้ำที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้เต็มรูปแบบ

Urban Revivo ผู้ให้บริการห้องแต่งตัวเสมือนจริง ผู้ซื้อสามารถเลือกดูได้ว่าเสื้อผ้าชุดไหนที่ใส่แล้วออกมาดูดีที่สุด โดยไม่ต้องหอบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องลองเสื้ออีกต่อไป ลูกค้าที่เข้ามาในร้านหากต้องการใช้บริการห้องเสื้อเสมือนจริง ก็ต้องทำการวัดสัดส่วนผ่านกล้องและเซ็นเซอร์ของร้านก่อน จากนั้นลูกค้าก็สามารถสแกนรหัส QR ของเสื้อผ้าตัวที่ต้องการ บนหน้าจอจะแสดงให้เห็นเลยว่าเสื้อผ้าที่สนใจเมื่อสวมใส่แล้วเป็นอย่างไร หากต้องการลองเสื้อผ้าชุดอื่นก็เพียงทำการสแกน QR ของเสื้อผ้าชุดอื่น บริการดังกล่าวได้รับการยกย่องว่าเป็นบริการที่ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ซื้อและพนักงานขาย จากบริการสุดล้ำนี้ช่วยให้ Urban Revivo มียอดขายเพิ่มขึ้นมากถึง 20-30% เลยทีเดียว Urban Revivo มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีกประมาณ 20 สาขา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเลือกสถานที่ตั้ง นอกจากนี้บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการพูดคุยเพื่อเสนอเทคโนโลยีและบริการให้กับผู้ผลิตเครื่องแต่งกายรายอื่นๆ เพิ่มเติม อ้างอิง: https://asia.nikkei.com/Business/Startups/China-startups-race-to-commercialize-new-tech-as-culling-looms

แรงต่อเนื่อง! Apple Watch – หูฟัง Airpods ทำรายได้ให้กับ Apple เกือบเท่ากับคอมพิวเตอร์ Mac

หลังจากปิดบัญชีผลประกอบการในปี 2019 ของ Apple พบว่าผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีมีรายได้เติบโตจากอุปกรณ์สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น Apple Watch, หูฟัง Airpods และ HomePod ที่มียอดขายเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์ Mac ความสำเร็จในครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามาจากกลยุทธ์ของ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ซึ่งเผยกับนักวิเคราะห์จาก Wall Street ว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัททำได้ดีมาก และเราตื่นเต้นกับผลลัพธ์ที่กำลังเกิดขึ้น โดยผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดของ Apple ถือว่าดีเกินคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์สวมใส่/อุปกรณ์เสริมที่ขยายตัวเป็นอย่างมาก และเข้ามาทดแทนยอดขาย iPhone ที่ลดลง สำหรับในไตรมาสล่าสุดยอดขายอุปกรณ์สวมใส่/อุปกรณ์เสริม ของ Apple เติบโต 54% หรือคิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ส่วน iPhone กลับมียอดขายลดลง 9% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 33.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2019 พบว่า ยอดขาย […]

จีนเปิดตัวเครือข่าย 5G ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของจีนได้เปิดให้บริการเทคโนโลยี 5G แล้ว ถือเป็นการเปิดให้บริการ 5G ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ท่ามกลางการแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากประเทศจีนต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีรายงานระบุว่า ไชน่าโมบาย ไชน่ายูนิคอม และไชน่าเทเลคอม บริษัทของรัฐบาลจีนที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้เปิดให้คนใช้บริการเทคโนโลยี 5G แล้ว จากเดิมที่มีกำหนดการจะเปิดให้บริการในปีหน้า เพื่อตามให้ทันเกาหลีใต้ที่ให้บริการ 5G ทั่วประเทศไปก่อนหน้านี้ ส่วนสหรัฐฯ และอังกฤษก็เปิดบริการ 5G ในบางพื้นที่ไปแล้วในปีนี้เช่นกัน 5G เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ 5 ซึ่งจะทำให้สามารถดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และเชื่อมต่อเสถียรกว่าที่ผ่านมา เหมาะกับการรองรับเทคโนโลยีขั้นสูง สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตอนนี้จีนได้เปิดบริการ 5G ใน 50 เมือง เช่น ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ โดยค่าบริการอยู่ที่ 128-599 หยวน (550-2,600 บาท) ต่อเดือน ขณะที่แถลงการณ์ของรัฐบาลจีนระบุว่า จีนมีสถานีปล่อยสัญญาณ 5G มากกว่า 130,000 จุดที่พร้อมใช้งานภายในสิ้นปีนี้ ถือเป็นหนึ่งในการให้บริการ 5G ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีบริษัทหัวเว่ยเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเครือข่าย 5G […]

เตรียมเข้าไทยปีหน้า “เรือเก็บขยะแม่น้ำ” พลังงานแสงอาทิตย์

สายรักษ์โลกต้องกดไลก์ เมื่อ The Ocean Cleanup หรือ องค์กรเก็บขยะทะเลใหญ่สุดในโลกได้เปิดตัว “เรือเก็บขยะแม่น้ำ” ขับเคลื่อนด้วยพลังแสงอาทิตย์ 100% ลำแรกของโลก เพื่อดักเก็บขยะในแม่น้ำ 1,000 แห่ง (1% ของแม่น้ำทั้งหมดทั่วโลก) ที่เป็นต้นตอของปัญหาขยะลงสู่ทะเล โดยคิดเป็น 80% ของขยะในทะเลทั้งหมด ในปี 2013 นวัตรกรชาวดัตช์ Boyan Slat วัย 18 ปี ได้เริ่มประดิษฐ์ทุ่นเก็บขยะในทะเลที่ลอยช้า ๆ รวมกันเป็นแพขยะทั่วโลก แต่อุปกรณ์ชิ้นนี้กลับส่งผลกระทบต่อสัตว์ สิ่งแวดล้อม และย้อนทำร้ายมนุษย์เอง ล่าสุดเขาได้พัฒนาเรือเก็บขยะแม่น้ำลำแรกของโลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เรียกว่า Interceptor สามารถเก็บขยะได้ถึง 50,000 – 100,000 ชิ้นต่อวัน เรือลำนี้ทำงานอัตโนมัติ โดยดักขยะพลาสติกให้ลอยเข้าสู่ประตูหน้าเครื่อง ก่อนไหลขึ้นสายพานที่ช่วยแยกขยะพลาสติกออกจากน้ำ แล้วเคลื่อนตัวนำขยะพลาสติกไปทิ้งที่ถังด้านใน 6 ถัง ซึ่งเก็บขยะได้ 50 ลูกบาศก์เมตรต่อถัง ทั้งยังมีจอแสดงผลคอยวัดระดับสภาพเครื่องหรือตรวจสอบปริมาณขยะ […]

นวัตกรรมสุดฉลาด AI ตรวจหายาปลอมเซฟชีวิตชาวแอฟริกัน

เพราะบางอย่างเมื่อมองด้วยตาเปล่าอาจไม่ทราบว่าเป็นของจริงหรือปลอม ทำให้ในแต่ละปีมีประชากรหลายหมื่นคนทั่วแอฟริกาที่ต้องเสียชีวิตหรือมีอาการเจ็บป่วยจากการใช้ยาปลอม ดังนั้น Franck Verzefé เภสัชกรชาวแคเมอรูนจึงได้พัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการตรวจสอบว่ายานั้นเป็นยาจริงหรือยาปลอม นายแพทย์ชาวฝรั่งเศส Lionel Nana กล่าวว่า ผู้ป่วยหลายคนยังคงมีอาการเช่นเดิมไม่หายเพราะการใช้ยาปลอม เขาจึงนำอุปกรณ์นี้มาใช้ทันทีเมื่อทราบว่าสามารถช่วยชี้ได้ว่ายาที่ใช้เป็นยาจริงหรือยาปลอม ซึ่งก่อนหน้านี้ยาที่เขาสั่งให้แก่ผู้ป่วยอาจไม่ได้ให้ผลดีเสมอไป แต่ตั้งแต่ได้เริ่มใช้อุปกรณ์นี้ เขาสามารถรับประกันได้ว่าการดูแลผู้ป่วยดีขึ้นอย่างน้อย 90% อุปกรณ์แบบพกพานี้มีชื่อเรียกว่า True-Spec สร้างโดยเภสัชกรชาวแคเมอรูน เมื่อวางยาไว้บนอุปกรณ์ดังกล่าวเพียงไม่ถึง 10 วินาที อุปกรณ์จะวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของยาแล้วส่งผลลัพธ์กลับไปยังโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์นี้ หากเป็นยาจริงอุปกรณ์จะแสดงองค์ประกอบของยา และหากเป็นยาปลอมอุปกรณ์จะแสดงผลว่า “ไม่สามารถระบุองค์ประกอบของยาได้” True-Spec ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น 1 ใน 30 นวัตกรรมที่เข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันด้านนวัตกรรมขององค์กรอนามัยโลกประจำปีพ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นการแข่งขันเพื่อแสดงความตระหนักรู้ถึงนวัตกรรมเชิงสุขภาพที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านสาธารณสุขของแอฟริกาได้ และอุปกรณ์นี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากวิทยาลัยเภสัชกรแห่งประเทศแคเมอรูน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนว่า มีการแพร่จำหน่ายของยาความดันโลหิตสูงปลอมในแคเมอรูน และวัคซีนโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบปลอมในไนเจอร์ Christopher Ampoam นายแพทย์ชาวฝรั่งเศสจากวิทยาลัยเภสัชกรแห่งประเทศแคเมอรูนกล่าวว่า การใช้แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้แพทย์ทั้งหลายมั่นใจในคุณภาพของยาที่พวกเขาสั่งให้ผู้ป่วย และยังช่วยให้บรรดาผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพของยาที่ใช้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การศึกษาของสหภาพยุโรปเมื่อปีที่แล้วพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของยาปลอม หรือยาที่มีคุณภาพต่ำทั้งหมดที่รายงานไปยังองค์การอนามัยโลก ถูกพบอยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าประเทศแอฟริกา ในรายงานยังระบุด้วยว่าเฉพาะยาต้านมาลาเรียปลอมเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตปีละมากกว่า 64,000 คน เรียบเรียงจาก […]

สุดยอดไอเดีย บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจับเอาคาร์บอนมาทำเป็นเชื้อเพลิง

ภาคอุตสาหกรรมของโลกอย่างโรงถลุงเหล็ก, โรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานผลิตสารเคมี ทั้งหมดมีส่วนร่วมในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 30% ทั่วโลก แต่ก็มีคนมองเห็นมลพิษเหล่านั้นเป็นโอกาสใหม่ ของการผลิตเชื้อเพลิง LanzaTech บริษัทที่เริ่มต้นนำเอาเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ ในการเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นเอทานอล เชื้อเพลิงที่ใช้ทดแทนนำมันเบนซินได้ ซึ่งการทำงานอาศัยหลักคล้ายกับการทำเบียร์ เพียงแต่เปลี่ยนเป็นการหมักก๊าซที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมแทน กุญแจสำคัญในกระบวนการนี้คือแบคทีเรียที่กินก๊าซที่พัฒนาขึ้นเพื่อการหมักโดยเฉพาะ บริษัทบอกว่าแบคทีเรียกินอาหารที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจก แล้วผลที่ได้ก็คือการผลิตเอทานอล มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ LanzaTech ทำให้มันมีวิวัฒนาการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม ปีที่ผ่านมา LanzaTech ทำการติดตั้งระบบที่โรงงานเหล็กในประเทศจีน มันรีไซเคิลคาร์บอนได้มากพอที่จะผลิตเอทานอลได้ 9 ล้านแกลลอน ซึ่งเอทานอลที่ได้นี้สามารถนำไปรวมกับเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ตเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ โดยมีความร่วมมือกับ Virgin Atlantic และ Boeing เป็นที่เรียบร้อย สำหรับต้นทุนในการติดตั้งระบบนี้อยู่ที่ 55 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้จะดูแล้วเป็นตัวเลขที่สูงไม่ใช่น้อย แต่ผลผลิตที่ได้จะทำให้คืนทุนได้ใน 3-5 ปีเท่านั้น นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกสีเขียวที่มีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ในการต่อสู้กับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิของโลกกำลังเพิ่มขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียสในปี 2050 นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าเราอาจเห็นผลกระทบของสภาพอากาศที่เป็นอันตรายหากการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกไม่ลดลง อ้างอิง: https://edition.cnn.com/2019/10/30/tech/lanzatech/index.html

กูเกิล ซื้อ ฟิตบิท หวังรุกตลาดสมาร์ทวอทช์

กูเกิล อิงค์ ตกลงซื้อกิจการ ฟิตบิท อิงค์ เป็นมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ โดยหวังที่จะรุกตลาดอุปกรณ์ติดตามข้อมูลการออกกำลังกายและสมาร์ทวอทช์ ซึ่งแอปเปิลและซัมซุงครองตลาดดังกล่าวอยู่ในปัจจุบัน กูเกิลเปิดเผยว่า กูเกิลมองเห็นโอกาสที่จะเปิดตัวอุปกรณ์เทคโนโลยีที่สามารถสวมใส่ได้ของกูเกิลเอง และจะลงทุนมากขึ้นในด้านสุขภาพระบบดิจิทัล โดยการซื้อกิจการของบิตฟิทจะทำให้กูเกิลสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพที่รวบรวมโดยอุปกรณ์นับล้านของบิตฟิท ที่ผ่านมา บิตฟิทเผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือดกับบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง แอปเปิล และ ซัมซุง อิเล็คทรอนิกส์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ราคาถูกจากหัวเว่ย เทคโนโลยี และ เสี่ยวหมี่ คอร์ปของจีน สัดส่วนทางการตลาดของอุปกรณ์เพื่อสุขภาพนี้ อ้างอิงจากข้อมูลของบริษัทอินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระบุว่า เสี่ยวหมี่ครองตลาดอุปกรณ์เทคโนโลยีที่สวมใส่ทั่วโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาด 17.3% รองลงมาได้แก่บริษัทแอปเปิล ขณะที่ฟิตบิท มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 10% อ้างอิง: https://www.theverge.com/2019/11/1/20943993/google-fitbit-acquisition-smartwatch-wearable-fitness-nest-htc-hardware-software

1 … 20 21 22 … 37